กรุงเวียนนา เมืองหลวงของสาธารณรัฐออสเตรีย เมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ศูนย์กลางการปกครองของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เปลี่ยนสภาพเป็นจักรวรรดิออสเตรีย , จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ตามเหตุปัจจัยในช่วงเวลานั้น ๆ ก่อนที่จะล่มสลายกลายเป็น “สาธารณรัฐออสเตรีย” หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914 -1918) แต่ความมีสเน่ห์มนต์ขลังและวัฒนธรรมของชาวเวียนนาตั้งแต่อดีต ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเสื่อมคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมการดื่ม กาแฟ
สำหรับเครื่องดื่ม กาแฟ ตามที่มีการบันทึกไว้และยอมรับกันในวงกว้าง พืชชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากทวีป “แอฟริกา” โดยชาวยุโรปรู้จักกับพืชชนิดนี้ครั้งแรกประมาณ ศตวรรษที่ 16 ณ เมืองเวนิส มหาอำนาจทางการค้า ที่ติดต่อค้าขายทางทะเลกับชาวแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง จากนั้นเครื่องดื่มกาแฟได้รับความนิยมแพร่หลายและเกิดธุรกิจร้านกาแฟต่าง ๆ ขึ้นทั่วเมืองใหญ่ในยุโรป โดย “Coffee House” ได้เริ่มเกิดขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 แต่สำหรับร้านกาแฟที่เรียกได้ว่าหนึ่งในร้านที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คงต้องยกให้ “Caffe Florian” ณ เกาะเวนิส ประเทศอิตาลีปัจจุบัน เป็นร้านกาแฟที่เปิดทำธุรกิจ Coffee House ในยุคนั้นและยังคงดำเนินธุรกิจนี้จวบจนถึงปัจจุบัน หากใครชอบเรื่องราวความคลาสสิก หรืออยากเยี่ยมเยียนร้านกาแฟที่สามารถเรียกได้ว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก ก็สามารถแวะไปเยี่ยมเยียนได้ “Caffe Florian” ตั้งอยู่ ณ จตุรัสเซนท์มาร์โค เกาะเวนิส ประเทศอิตาลี
กลับมาที่ต้นกำเนิดของกาแฟสำหรับชาวยุโรป โดยพวกเขารู้จักกับเครื่องดื่มกาแฟครั้งแรก ผ่านเมืองเวนิสทางทะเล และในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ชาวยุโรปที่อยู่บนภาคพื้นแผ่นดิน ก็เริ่มรู้จักเครื่องดื่มกาแฟทางบก ณ กรุงเวียนนา ซึ่งในสมัยนั้นมีการทำสงครามทางบกกับจักรวรรดิออตโตมันอยู่เสมอ ในปี ค.ศ.1683 กองทัพออตโตมันได้ยกทัพมาทำศึกสงคราม ทหารออตโตมันปิดล้อมกรุงเวียนนา หวังจะให้ขาดเสบียงอาหารและพ่ายแพ้ไป แต่การตั้งรับอย่างมีระเบียบวินัยของทหารเวียนนา ก็ประสบผลสำเร็จสามารถป้องกันเมืองไว้ได้ เมื่อกองทัพออตโตมันไม่สามารถตีฝ่าเมืองเข้าไปได้ ก็ตัดสินใจยกทัพกลับไปและได้ทิ้งเมล็ดกาแฟของพวกเขาไว้ ทำให้ชาวเวียนนารู้จักกับกาแฟตั้งแต่นั้นมา จนเป็นวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่สำคัญของชาวเวียนนามาจนถึงยุคปัจจุบัน
การดื่มกาแฟของชาวเวียนนาในยุคแรกยังคงดื่มแบบพวกเติร์ก (ออตโตมัน ) กาแฟที่มีการชงแบบชาวเติร์กดั้งเดิม ยังคงมีเศษกากของกาแฟที่ไม่ได้กรองออก สีดำข้นไม่ได้ผสมอะไรลงไป และในยุคนี้เอง (ปลาย ศ.ต.ที่ 17) ชาวเวียนนาเริ่มที่ประยุกต์การชงกาแฟดื่มให้หลากหลายและมีรสชาติมากขึ้น โดยการผสมส่วนผสมอื่น ๆ เข้าไป หลัก ๆ ก็มี “นม” และ “น้ำตาล” และที่สำคัญที่สุด คือการกรองเอา “กากของกาแฟ” ออกนั่นเอง
จากนั้น ทั่วทั้งกรุงเวียนนาการดื่มกาแฟก็ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง เกิดเป็น “Viennese Coffee House” ขึ้นหลายแห่งทั่วทุกมุมในกรุงเวียนนา จนกลายเป็นต้นแบบ และแรงบันดาลใจให้เมืองต่าง ๆ ในยุโรปนำเอารูปแบบ Coffee House ไปเปิดบริการบ้าง อย่างเช่นกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น
วัฒนธรรมการดื่มกาแฟของเวียนนา ก็ได้เดินทางผ่านกาลเวลา มาจนถึงยุคปัจจุบัน ในปี ค.ศ. 2011 “Viennese Coffee House” ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น “Intangible Cultural Heritage” (ICH) นั่นก็คือ “มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตัวตนของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของชาวเวียนนาได้เป็นอย่างดี
Coffee House ทั่วกรุงเวียนนา ที่เปิดบริการตั้งแต่ในยุคเริ่มต้นจนถึงปัจจุบันมากมายหลายแห่ง ได้กลายเป็นหนึ่งในสถานที่ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ที่เดินทางมาถึงกรุงเวียนนาแล้วตั้งใจไปเยี่ยมเยียน ไม่เพียงแค่ชิมรสชาติของกาแฟเวียนนาขนานแท้เท่านั้น แต่ยังคงได้สัมผัสบรรยากาศของ Coffee House แบบชาวเวียนนาที่มีมนต์สเสน่ห์ เปรียบเสมือนสถานที่พบปะของทุกคนทุกชนชั้น ทุกอาชีพ มีบุคคลในช่วงเวลาของประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Coffee House “Cafe Central” ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเวียนนา ได้มีแขกที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของยุโรปมากมายหลายท่าน ที่มาใช้บริการเป็นประจำ ณ คาเฟ่แห่งนี้ เช่น ซิกมุนด์ ฟรอยด์ ( Sigmund Freud) บิดาแห่งทฤษฎีจิตวิทยา , วลาดีมีร์ เลนิน (Vladimir Lenin) ผู้นำปฎิวัติจักรวรรดิรัสเซีย , เลออน ทรอตสกี้ (Leon Trotsky) ผู้ก่อตั้งและผู้นำกองทัพแดงโซเวียตรัสเซีย , โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) ผู้นำโซเวียตรัสเซียช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้แต่ อดอร์ฟ ฮิทเลอร์ (Adolf Hitler) ผู้นำกองทัพนาซี และ โจซิป บรอช ติโต (Josip Broz Tito) ประธานาธิบดีตลอดกาลแห่ง “ยูโกสลาเวีย” ก็เคยเป็นแขก “Cafe Central” แห่งนี้
หากท่านใดชื่นชอบการดื่มกาแฟ และเค้กขนมหวานต่าง ๆ ที่มีให้เลือกมากมายหลากหลายชนิด รวมถึงชอบเรื่องราวสถานที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หากมีโอกาสมาเยือนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ก็อย่าพลาดที่จะแวะเวียนเยี่ยมชม ชิมช็อปแชะ ณ Coffee House ที่มีบริการแทบจะทุกถนนตรอกซอกซอย โดยผู้เขียนได้นำบรรยากาศของหนึ่งใน Coffee House ที่ดีที่สุดในกรุงเวียนนา “Cafe Central” มาฝากให้ชมก่อน ส่วนในอนาคตท่านใดจะเลือกแวะชิมกาแฟที่ร้านใด ก็ขอให้ทุกท่าน “Enjoy your Cup & Have a Nice Day” :p
สุดท้ายนี้ เรายังมีบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว “สุดชิค” ในเวียนนาที่เน้นความเป็นท้องถิ่นบ้าน “ฮุนเดอร์ทวาสเซอร์” และ “ตลาดสดแนชมาร์ช” หากสนใจ สามารถกดลิงค์ เยี่ยมชมได้เลยครับ
ขอบพระคุณทุกท่าน สำหรับการเยี่ยมชม