ซาราเยโว เมืองหลวงของประเทศบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวีน่า ตั้งอยู่บริเวณภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป ประกอบด้วย 2 ส่วนทางเหนือและใต้ ทางตอนเหนือคือส่วนที่เป็น “Bosnian” และส่วนที่อยู่ทางตอนใต้คือ “Herzegovinia” แม้ว่าประชากรทั้งประเทศจะมีเพียงแค่ประมาณสามล้านแปดแสนคนเท่านั้น แต่ก็มีภาษา “บอสเนียน” เป็นของตนเองและก็มีสกุลเงินท้องถิ่น “BAM” หรือที่นักท่องเที่ยวนิยมเรียกกันว่า “บอสเนียมาร์ก”
มนต์เสน่ห์ของซาราเยโว มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ร่ำรวยไปด้วยวัฒนธรรมแทบจะเรียกได้ว่าอาจจะมีเพียงแค่ซาราเยโวเท่านั้น ที่เราสามารถพบกับศาสนสถาน ทั้งสุเหร่าของชาวมุสลิม ,โบสถ์คริสต์ออโธดอกซ์ , โบสถ์คริสต์คาทอลิก , ธรรมศาลาของชาวยิว ได้ในการเดินเยี่ยมชมแค่ถนนเส้นเดียว มิหนำหูซ้ายยังอาจได้ยินเสียงของการตีระฆังโบสถ์คริสต์แต่หูขวายังได้ยินเสียงละหมาดของชาวมุสลิมก็เป็นได้
ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา “ซาราเยโว” ได้ผ่านเรื่องราวร้อนหนาวมาอย่างมากมายไม่แพ้เมืองใดในยุโรป มีส่วนร่วมกับ 3 สงครามใหญ่ ตั้งแต่ได้ชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914) , ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1939) , สงครามบอสเนียน (ค.ศ.1992) ผลพวงจากสงครามแบ่งแยกดินแดนยูโกสลาเวีย ทำให้ชื่อของซาราเยโว ที่ได้รับกล่าวถึงบ่อยครั้งในเวทีระดับโลกแม้ว่าจะมาจากเรื่องของสงครามก็ตาม
ความรุนแรงของสงครามแบ่งแยกดินแดนยูโกสลาเวียทำให้ UN ต้องเข้ามาพยายามเป็นตัวกลางยุติสงครามให้ได้ แและหลังจากมีการทำข้อตกลงเดย์ตันกันในปี ค.ศ.1995 ทำให้ดินแดนแห่งนี้ก่อตั้งเป็น “ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา” เกิดการบูรณะพัฒนาให้บ้านเมืองกลับมาปกติดังเดิม ในแนวคิดของชาวบอสเนียนที่ว่า “Forgive but not Forget”
ในปัจจุบัน “ซาราเยโว” ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของผู้เดินทางที่เน้นในเรื่องของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม โดยเฉพาะเอกลักษณ์โดดเด่นของชาวบอสเนียนที่มีทั้งชาวมุสลิมและชาวคริสต์อยู่อาศัยร่วมกันมาอย่างยาวนาน จนถึงกับมีการตั้งฉายาให้ซาราเยโวว่า “เยรูซาเล็มแห่งโลกตะวันตก” กันเลยทีเดียว
หากท่านใดมีโอกาสเดินทางมาซาราเยโว ห้ามพลาดเด็ดขาดกับสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์สำคัญดังนี้
- “Baščaršija Square” จตุรัสบาสคาร์เซีย เรียกได้ว่าเป้นดาวน์ทาวน์แห่งซาราเยโวเลยก็ได้ เพลิดเพลินกับร้านของฝากของที่ระลึกมากมาย เต็มไปด้วย “นกพิราบ” อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญของซาราเยโว และมีน้ำพุไม้โบราณ “Sebilj” ที่มีลักษณะแบบออตโตมันตั้งอยู่ ในช่วง ศ.ต.17 มีการบันทึกว่ามีน้ำพุชนิดนี้อยู่มากกว่า 300 แห่งในซาราเยโว แต่ก็ถูกเผาและทำลายไปในการทำสงครามหลาย ๆ ครั้ง จนปัจจุบันเหลือเพียงแค่แห่งเดียว ณ จตุรัสแห่งนี้
2. “Latin Bridge” ลาตินบริตจ์ สะพานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของซาราเยโว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลก สะพานแห่งนี้คงจะเป็นสถานที่แรก ที่เมื่อเดินทางมาถึงซาราเยโวแล้วมองหาเป็นอันดับแรก เพราะเป็นสถานที่ที่ “ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์” อาร์ชดยุกแห่งออสเตรีย องค์รัชทายาทของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ถูกลอบปลงพระชนม์พร้อมด้วยพระชายา ขณะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนซาราเยโวด้วยรถเปิดประทุนพระที่นั่ง โดย “กาฟริโล พรินซิป” (Gavrilo Princip) ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ปัจจุบันด้านข้างสะพานตึกสีชมพูในรูปคือพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม “Sarajevo Museum” ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์จัดแสดงอยู่ ค่าเข้าชม 4 บอสเนียมาร์ค
3. “Sarajevo Meeting of Cultures” ย่านช้อปปิ้งใจกลางเมืองเก่า ที่ประกอบด้วย 2 ถนนหลักยาวประมาณ 800 เมตร โดยถนนทางฝั่งตะวันตกคือถนน “Ferhadija” ก็จะเป็นร้านค้าอาคารบ้านเรือนแบบวัฒนธรรมตะวันตก กลิ่นอายของชาวคริสต์ ส่วนถนนทางฝั่งตะวันออกคือถนน “Sarači” เราก็จะได้พบกับลักษณะวัฒนธรรมแบบชาวมุสลิม ซึ่งตรงกลางระหว่างสองถนนเส้นนี้ มีจุดแลนด์มาร์คสำคัญที่เป็นสัญลักษณ์อยู่บนพื้นถนน แสดงถึงความแตกต่างของทั้งสองวัฒนธรรม แต่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมาอย่างยาวนาน
4. White Fortress ป้อมปราการขาว สร้างขึ้นมาครั้งแรกในช่วงกลาง ศ.ต.16 ใช้ประโยชน์ในด้านทางการทหาร ปัจจุบันเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปเก็บภาพเมืองซาราเยโวจากมุมสูง ณ ป้อมปราการแห่งนี้
5. Sarajevo City Hall ซาราเยโวซิตี้ฮอลล์ สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1896 มีความสวยงามและคุณค่าทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอมัวร์ (Neo-Moorish) ที่ส่วนมากพบเห็นในแถบคาบสมุทรไอบีเรีย จุดประสงค์แรกใช้เป็นศาลาว่าการเมือง หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1945) ถูกใช้เป็นห้องสมุดแห่งชาติ จนกระทั่ง ค.ศ.1992 ช่วงสงครามบอสเนียน ได้ถูกกองกำลังชาวเซิร์บเผาทำลาย ทำให้หนังสือและเอกสารสำคัญต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 2 ล้านชิ้นเสียหาย จากนั้นก็ได้ทำการบูรณะในปี ค.ศ.1996 มาเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.2014 โดยใช้เวลาบูรณะซ่อมแซมไปทั้งสิ้น 18 ปี ทำให้อาคารซาราเยโวซิตี้ฮอลล์กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ปัจจุบันใช้ประโยชน์หลากหลายในกิจกรรมต่าง ๆ และด้านล่างมีพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมให้ผู้สนใจเข้าเยี่ยมชมประวัติของซาราเยโวซิตี้ฮอลล์แห่งนี้
6. ในลำดับนี้ไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่จะแนะนำ แต่เป็นอาหารประจำชาติของชาวบอสเนียนที่หาทานได้ง่ายดั่งหาผัดกะเพราทานในบ้านเรา อาหารชนิดนี้มีชื่อว่า “Cevapcici” มีส่วนประกอบหลักเป็นเนื้อบด ในจุดนี้เองทำให้แต่ละร้านจะมีสูตรเด็ดเคล็ดลับในการปรุงแต่งเนื้อบดโดยใช้เครื่องปรุงสมุนไพรที่แตกต่างกัน ก่อนจะนำไปย่างให้เกรียมเล็กน้อย เสริฟพร้อมขนมปังพร้อมด้วยเครื่องเคียงอย่างหอมหัวแดง คนท้องถิ่นนิยมทานกับนมโยเกิร์ต แต่ส่วนตัวผมขอเลือกทานคู่กับโคคาโคลาดีกว่าครับ :p
ในประเทศบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวีน่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย อย่างเช่น เมืองโมสตาร์ที่มีสะพานโบราณอีกแลนด์มาร์คสำคัญของประเทศนี้ , เมืองนีอุม เมืองตากอากาศริมทะเลอาเดรียติก ที่ติดพรมแดนประเทศโครเอเชีย หากท่านใดชอบสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นในเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จุดหมายปลายทางหน้าก็ขอฝากประเทศบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวีน่าไว้ให้ลองพิจารณา
เรามีบทความประเทศโครเอเชียเพื่อนบ้านคนสำคัญของบอสเนียแอนด์เฮอร์เซโกวีน่า (วีซ่าโครเอเชียเข้าเที่ยวประเทศบอสเนียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าบอสเนีย) สามารถเยี่ยมชมโดยการคลิกที่ลิงค์ รู้จักประเทศโครเอเชียได้ภายใน 5 นาที ได้เลย
ขอบพระคุณสำหรับการเยี่ยมชม
Jobby.