หมู่บ้าน “ฮัลสตัทซ์” ประเทศ “ออสเตรีย” ชื่อนี้คงคุ้นหูนักเดินทางเป็นอย่างดี ในเรื่องของความสวยงามที่ไม่เป็นสองรองใครของหมู่บ้าน ที่ตั้งเรียงรายริมทะเลสาบฮัลสตัทซ์ อีกทั้งยังได้รับการรับรอง ให้เป็นเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้อีกด้วย ส่วนมากไม่ว่านักเดินทางจะเดินทางมาเอง หรือ มากับคณะทัวร์ ก็จะเยี่ยมชมแค่ตัวหมู่บ้านและมีกิจกรรมเพิ่มเติมก็คือล่องเรือ ณ ทะเลสาบฮัลสตัทซ์ แต่หากใครพอจะมีเวลา อยากจะแนะนำ วิธีการเดินทางไปจุดชมวิวชื่อดังในบริเวณเทือกเขา “ดัชชไตน์” ที่คณะเดินทางคนไทยยังไม่ค่อยไปเยี่ยมชมกันนัก จุดชมวิว 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) ที่มีลักษณะเป็นฝ่ามือ 5 นิ้ว ตามชื่อ ยื่นออกไปบริเวณหน้าผา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินออกไปด้วยความหวาดเสียว ชมความสวยงามบริเวณหุบเขาแห่งนี้

สำหรับวิธีการเดินทางไปไฟว์ฟิงเกอร์ จะต้องขึ้นเคเบิลคาร์ขึ้นไป ในความเป็นจริงสถานีเคเบิลคาร์ ( Dachstein Salzkammergut Cable car Station) แห่งนี้อยู่ในเขตของเมืองเล็ก ๆ ชื่อว่า โอเบอร์ตรวน (Obertraun พยายามฟังเค้าออกเสียงก็ประมาณนี้ครับ) ซึ่งห่างจากฮัลสตัทซ์ประมาณ 7 กิโลเมตร เท่านั้น หากใครเดินทางมาด้วยรถส่วนตัวก็ขับมาจอดที่สถานีแห่งนี้ได้เลย แต่ไฮโซอย่างผม นั่งรถบัสประจำทางไปครับ ยากง่ายอย่างไร ตามไปดูกันครับ

เริ่มเดินทาง สู่ 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers)

ผมเริ่มเดินทางจากหมู่บ้านฮัลสตัทซ์ โดยรถบัสประจำทางสาย 543 ค่าโดยสารอยู่ที่ 2.10 ยูโร จุดที่ขึ้นคือสถานีรถบัส จุดเดียวของหมู่บ้านที่อนุญาตให้รถบัสจอดรับส่ง จุดที่เริ่มเดินเข้าหมู่บ้านฮัลสตัทซ์ ตรงข้ามมินิมาร์ทประจำหมู่บ้าน ผมไม่เชื่อว่าใครจะหาไม่เจอครับ ฮ่าๆๆ

5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) ป้ายรถเมล์ Beaconboy Travel

มินิมาร์ท Nah&Frisch

5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) มินิมาร์ท ณ ป้ายรถเมล์ Beaconboy Travel

รถบัสมีบริการทั้งวัน ตามแสดงในตารางการเดินทาง จุดหมายเราจะเดินทางไป Cable Car ตารางล่างสุด จะเห็นว่าตั้งแต่ 08:57 – 16:41 มีรถทุกชั่วโมง แต่ก็ห่างกันประมาณ 1 ชั่วโมง ดังนั้น วางแผนดี ๆ นะครับ

ตารางเดินรถเมล์ 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) Beaconboy Travel

สาย 543 คนขับอัธยาศัยดีมากครับ

รถเมล์ 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) Beaconboy Travel

นั่งรถประมาณ 15 นาที ไม่ไกล แต่แวะไปสถานีรถไฟ “โอเบอร์ตรวน” ก่อน

ก่อนถึงทางแยกเลี้ยวเข้าก็มีป้ายซุ้มสีฟ้าโค้งคอยบอกทางเข้าอยู่ ดังนั้นใครขับรถมาเอง ก็ลองสังเกตุนะครับ
5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) ซุ้มทางเลี้ยวเข้า Beaconboy Travel

พอเดินทางถึง เราจะซื้อตั๋วที่จุดจำหน่ายซ้ายมือ และทางเข้าเคเบิลคาร์ อยู่อาคารหลักด้านหลังครับ

5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) หน้าสถานีเคเบิ้ลคาร์ Beaconboy Travel

รายละเอียดราคาค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของเราเป็นตั๋วแบบขึ้นไปชมวิว (Panorama Ticket) ผู้ใหญ่อยู่ที่ 29.30 ยูโร

หมายเหตุ : จากตารางราคา จะเห็นว่ามีหลายจุดที่เราสามารถเยี่ยมชมได้ หลัก ๆ ก็คือ

สีเหลือง จะเป็นการเดินไปจุดชมวิวพาโนรามา ไฟว์ฟิงเกอร์ เป้าหมายเรา , จุดชมวิวปากฉลาม (ผมไม่ได้เดินทางไป)

สีฟ้า จะเป็นการเข้าชมถ้ำน้ำแข็ง (ผมไม่ได้เยี่ยมชม)

“เหตุผลที่ผมเยี่ยมชม ไฟว์ฟิงเกอร์ จุดเดียว เพราะผมมีเวลาแค่ 4 ชั่วโมงรวมเดินทางจากฮัลสตัทซ์ จึงไม่สามารถชมสิ่งอื่นได้นั่นเอง ดังนั้นหากท่านใด ต้องการเยี่ยมชมให้ครบถ้วน ควรเลือกตั๋วแบบ All inclusive ticket และเดินทางมาถึงตั้งแต่ช่วงเช้า และใช้เวลาทั้งวันครับ”

ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถ กดลิงค์เยี่ยมชมเวบไซท์ของดัชชไตน์ ได้เลยครับ

รายละเอียดตั๋วแบบต่าง ๆ และ วิธีการขึ้นกระเช้า สู่ 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers)

ตารางราคา 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) Beaconboy Travel

ทางเข้าเคเบิลคาร์ครับ

5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) ประตูทางเข้า Beaconboy Travel

จากนั้น เราจะขึ้นเคเบิลคาร์ 1 ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ถึงสถานีที่ 1 โดยสถานีที่ 1 แห่งนี้ มีทางแยกสำหรับผู้ที่ไปชมถ้ำต่าง ๆ และมีทางแยกที่จะขึ้นไปเคเบิลคาร์ 2 ต่อ  ของเราขึ้นไปเคเบิลคาร์ 2 ต่อ (อีกประมาณ 5 นาที) เพื่อขึ้นไปจุดชมวิวไฟว์ฟิงเกอร์ครับ

เมื่อถึงสถานีที่ 2 ก็จะเดินตามทางไปจุดชมวิวไฟว์ฟิงเกอร์ โดยมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ๆ สำหรับเวลาเฉลี่ยจากสถานีที่ 2 ถึงจุดชมวิวไฟว์ฟิงเกอร์ อยู่ที่ 30 นาทีครับ ผมใช้ไป 35 นาที ใกล้เคียง ๆ

5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) วิวทะเลสาบฮัลสตัทซ์จากมุมสูง

บางช่วงก็ยังเป็นน้ำแข็งปกคลุมอยู่ครับ (ผมเดินทางไปเดือน มิ.ย.)

5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers) ข้างบนยังเหลือหิมะ Beaconboy Travel

หล่อไหมครับ :p

Jobby Beaconboy Travel 5 ฟิงเกอร์ (5 Fingers)

ตรงจุดสีแดง ตรงนั้นคือ หมู่บ้านฮัลสตัทซ์ ที่เรานั่งรถบัสมาครับ ส่วนเส้นสีขาวที่เฉียงไปด้านขวาข้างบน เป็นรางรถฟูนิคูล่า ขึ้นไปเยี่ยมชมเหมืองเกลือ อีกสถานที่เที่ยวของฮัลสตัทซ์ครับ

ถึงแล้วครับ “ไฟว์ฟิงเกอร์” จุดหมายของเรา

กรอบรูปนี้ ต้องใช้กำลังภายใน มุดไปนิดนึงครับ ส่วนพื้นล่างก็เป็นแผ่นกระจกใส หวาดเสียวครับ

อากาศเปลี่ยนเร็วมาก แป๊บเดียวครึ้มมืดเริ่มมา หมดเวลาผมพอดี เริ่มเดินกลับ ก็ทางเดิม สเตปเดิม จนถึงสถานีข้างล่างสุดครับ

ฟ้าครึ้มมาแล้ว คนเข้าไปหลบด้านในอาคารหมดครับ

สำหรับไฮโซอย่างผม ข้างบนมีเวลาเดินรถบัสประจำทางบอกไว้ด้วย เผื่อกะเวลากลับ จะได้ไม่เสียเวลา โดยการขึ้นและลงเคเบิลคาร์ คิดการใช้เวลาเดินทางง่าย ๆ คือ เคเบิลคาร์ 2 ขบวน ใช้เวลาขบวนละ 5 นาที และสถานีเปลี่ยนเคเบิลคาร์ ใช้เวลา 10 นาที ดังนั้น ไม่ว่าขึ้นหรือลง หากเข้าเคเบิลคาร์แล้ว จะใช้เวลาถึงสถานีสุดท้าย 20 นาที แน่นอนครับ

ข้างล่างก็มีป้ายแจ้งเวลาครับ รถ “Postbus” สาย 543 เช่นเดิม

รถมาตรงเวลามาตรฐานยุโรป ขึ้นกลับไปที่หมู่บ้าน ฮัลสตัทซ์ ที่เดิมครับ

ภารกิจเสร็จสิ้น ขออนุญาตสรุปอีกครั้งครับ

หากใครมาฮัลสตัทซ์แล้วมีเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง สามาถเดินทางไปไฟว์ฟิงเกอร์ได้ (หากเวลาจำกัดมาก เช็คเวลาเดินรถให้ดี เพราะมีรถประมาณชั่วโมงละคันเท่านั้น หรือหากไปหลายคน อาจใช้บริการแทกซี่ได้)

หรือหากใครมีเวลาเพียงพอ หรือสามารถวางแผนให้อยู่ที่นี่ทั้งวันได้ แนะนำให้ใช้เวลาทั้งวันที่ Dachstein Salzkammergut ครับ ซื้อตั๋วแบบ All inclusive ticket คุ้มค่ามากครับ ชมทั้งไฟว์ฟิงเกอร์และจุดชมวิวอื่น ๆ รวมถึงถ้ำน้ำแข็งต่าง ๆ ด้วย แต่ยังไงอย่าลืม เช็คเวลารอบสุดท้ายของเคเบิลคาร์ที่จะลงมาข้างล่างด้วยนะครับ

(ข้างบนมีภัตตาคารจำหน่ายอาหาร แต่หากต้องการอาหาร เครื่องดื่มทานง่าย ๆ พกพาสะดวก จำพวกแซนวิช ก็ซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตรงสถานีรถบัสฮัลสตัทซ์ติดมาด้วยนะครับ)

**ปล.ตารางเดินรถนี้ เป็นช่วงซัมเมอร์นะครับ ควรตรวจสอบที่จุดขึ้นรถอีกครั้ง**

เรายังมีบทความแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว “สุดชิค” ในเวียนนาที่เน้นความเป็นท้องถิ่นบ้าน “ฮุนเดอร์ทวาสเซอร์” และ “ตลาดสดแนชมาร์ช” หากสนใจ สามารถกดลิงค์ เยี่ยมชมได้เลยครับ

หวังว่าทุกท่านจะสนุกกับรีวิวชิ้นนี้นะครับ

ขอบคุณทุกท่าน สำหรับการเยี่ยมชมครับ

Jobby