“ฟลอเรนซ์” หรือ “ฟิเรนเซ่” ในภาษาอิตาลี เมืองหลวงแห่งงานศิลปะยุคเรเนอซองส์ ยุคทองของฟลอเรนซ์เป็นช่วงเวลาในยุคศตวรรษที่ 14-16 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ภายใต้อำนาจบารมีของตระกูล “เมดิชี” (Medici) ผู้ปกครองฟลอเรนซ์ให้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครในยุคสมัยนั้น ฟลอเรนซ์เคยเป็นถึงเมืองหลวงของประเทศอิตาลีในช่วงการรวมชาติยุคแรก (ค.ศ.1865-1871) จากนั้นจึงเป็นกรุงโรมที่กลายเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีแทน แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าพูดถึงงานศิลปะแล้ว ฟลอเรนซ์ คือเมืองหลวงแห่งงานศิลปะตลอดกาล
ลักษณะของตัวเมืองฟลอเรนซ์ หากแบ่งให้เห็นภาพง่าย ๆ เมืองเก่า สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง พิพิธภัณฑ์งานศิลปะต่าง ๆ สถานีรถไฟฟลอเรนซ์ ( Firenze S.M.N.) ล้วนแล้วแต่อยู่ฝั่งทางเหนือของเมือง จากนั้นก็มีแม่น้ำอาร์โนไหลผ่ากลาง (Arno) ทางด้านใต้เป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนท้องถิ่นเป็นลักษณะเนินเขา เป็นที่ตั้งของจตุรัสมิเกลันเจโลหรือที่คนไทยคุ้นกันในชื่อ “ไมเคิล อัลเจโล” นั้นเอง
ลานจตุรัสมิเกลันเจโลแห่งนี้ หากใครได้มาเยือน นอกจากจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองฟลอเรนซ์ และสาพานเก่าข้ามแม่น้ำอาร์โนแล้วนั้น จะยังคงได้ชมงานประติมากรรม “เดวิด”(จำลอง) อีก 1 ชิ้น ที่ตั้งโดดเด่นสวยงามอยู่กลางจตุรัสแห่งนี้อีกด้วย
David” เดวิด สุดยอดงานศิลปะงานแกะสลักของศิลปินเอก สุดยอดประติมากร จิตรกร สถาปนิก กวี “มิเกลันเจโล” Michelangelo Buonarroti (Florence 1475-1564) ที่เมืองฟลอเรนซ์ มี 3 ชิ้น ของจริงคือ รูปหินอ่อนแกะสลักอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Academy of Florence Art Gallery ต้องซื้อตั๋วเข้าเยี่ยมชม แห่งที่สองรูปจำลองตั้งอยู่ที่หน้าศาลาว่าการเมืองเก่า ส่วนแห่งสุดท้ายก็คือตัวที่ตั้งอยู่จตุรัสแห่งนี้นั่นเอง
สะพานเก่าแห่งนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอาร์โนที่เก่าแก่ที่สุดในฟลอเรนซ์ ในอดีตเป็นสะพานไม้ ช่่วงสงครามโลกครั้งที่สองมีโชคไม่โดนทำลายลงไปเหมือนสะพานอื่น ๆ ปัจจุบันบนสะพานเป็นเหมือนถนนช้อปปิ้งสุดหรูหรา เนื่องจากมีร้านค้าที่ตั้งร้านอย่างถาวรจำหน่ายเครื่องประดับสวยงามราคาแพงมากมายบนสะพานแห่งนี้
วิ่งเลาะตามแนวริมแม่น้ำอาร์โนเรื่อย ๆ ก็จะพบกับอนุสาวรีย์รำลึกของทหารท้องถิ่นที่ไปสู้รบช่วงสงครามรวมชาติอิตาลีช่วง ค.ศ.1867
หลังจากวิ่งเลาะแม่น้ำอาร์โน ตัดเข้าสู่จตุรัส “Piazza Della Signoria” ก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ชื่อดังระดับโลกด้านขวามือ “Uffizi Gallery” ที่เก็บผลงานศิลปะระดับโลกเอาไว้มากมาย ในอดีตเป็นออฟฟิตที่ทำงานของตระกูลเมดิชี่ (Uffizi = Office) หากต้องการเข้าเยี่ยมชมควรจองตั๋วล่วงหน้าเป็นอย่างยิ่ง มาสเตอร์พีซผลงานระดับโลกที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อาทิเช่น ภาพวาดกำเนิดเทพีวีนัส (The Birth of Venus) โดยบอลติเชลลี , ภาพเขียนเมดูซ่า (Medusa) โดยคาราวัจโจ
เมื่อวิ่งมาถึงจตุรัส Piazza Della Signoria ซึ่งเป็นจตุรัสที่เปรียบดั่งจตุรัสเอกของฟลอเรนซ์ ช่วงเวลากลางวันจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาชมความสวยงามของจตุรัส และรอบจตุรัสแห่งนี้เต็มไปผลงานศิลปะมากมาย สวยงามขั้นที่ว่าสามารถนำไปตั้งในมิวเซียมแทนผลมาสเตอร์พีซที่จัดแสดงอยู่ก็ไม่มีใครแยกออกว่าอะไรสวยงามกว่ากัน
จุดสุดท้ายสำหรับการวิ่ง FUN RUN ยามเช้าวันนี้ จบที่มหาวิหารใหญ่ “มหาวิหารพระแม่มารี” (Cathedral of Santa Maria del Fiore) ที่มีความสวยงามอลังการ เห็นแล้วเกิดศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าและเคารพนับถือความสามารถขอผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้ ปัจจุบันมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งวาติกันและโบสถ์เซนต์ปอลแห่งลอนดอน โดยมหาวิหารแห่งนี้สร้างตั้งแต่ในศตวรรษที่ 13 ใช้เวลาสร้างทั้งสิ้นประมาณ 140 ปี ลวดลายเส้นสีต่าง ๆ เป็นสีเขียวเข้มแปลกตาไม่เหมือนที่ใด สามารถเข้าชมได้ฟรีเพียงแต่ต้องอดทนต่อคิวรอคอยเข้าด้านในมหาวิหาร
หลังจาก FUN RUN มาจุดเริ่มต้นหน้ามหาวิหารแห่งนี้ สรุประยะทางประมาณ 6 ก.ม. ไม่มากไม่น้อยพอได้ระยะ FUN RUN พอดี ยังมีความสวยงามอีกมากในเมืองฟลอเรนซ์ที่ไม่ได้ถ่ายรูปติดมาด้วย หากท่านใดมีโอกาส เมืองฟลอเรนซ์แห่งนี้น่าวิ่งชมเมืองยามเช้าไม่แพ้เมืองใดในประเทศอิตาลี
ขอบพระคุณสำหรับการเยี่ยมชม
Jobby