เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย

¨ แฟรงค์เฟิร์ต ¨ ไฮเดลเบิร์ก ¨ ชเปเยอร์ ¨ สตราสบูร์ก ¨ 3 หมู่บ้านฝรั่งเศสแสนสวย ¨ กอลมาร์ ¨ เบิร์น

¨ เมอเรน (หมู่บ้านติดหน้าผาของสวิส) ¨ อินเทอลาเค่น ¨ ยอดเขาจุงเฟรา Top of Europe ¨ ลูเซิร์น

¨ แซงค์ กัลเลน ¨ รถไฟสายอัพเพนเซล ¨ หมู่บ้านอัพเพนเซล ¨ ลินเดา ¨ ฟุสเซ่น ¨ อินสบรูกก์

¨ ทะเลสาบโคนิก ¨ หมู่บ้านฮัลสตัทท์ (พักในหมู่บ้าน 1 คืน) ¨ มิวนิค

เดินทางวันที่ 20 – 30 ตุลาคม 2561

** วันหยุด วันปิยมหาราช **

 รายละเอียดการเดินทาง

วันเสาร์ 20 ต.ค.61 (1)

สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ – แฟรงค์เฟิร์ต

20.30 น.     คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าหมายเลข 2 – 3 เคาน์เตอร์ D โดย สายการบินไทย (TG) พบเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสาร

23.45 น.     ออกเดินทางสู่ แฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยเที่ยวบินที่ TG 920  (ใช้เวลาเดินทาง 11 ชั่วโมง)

วันอาทิตย์ 21 ต.ค.61 (2)

แฟรงค์เฟิร์ต (เยอรมนี) – ไฮเดลเบิร์ก – ปราสาทไฮเดลเบิร์ก – ชเปเยอร์ – สตราสบูร์ก (ฝรั่งเศส) 

06.00 น.      เดินทางถึง สนามบินกรุงแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศ เยอรมนี นำท่านผ่านพิธีการศุลกากรและตรวจคนเข้าเมือง

เดินทางสู่เมือง ไฮเดลเบิร์ก HEIDELBERG (ระยะทาง 75 ก.ม./ 1 ชม.) เป็นเมืองที่แสดงความ เป็นตัวตนของความเป็นเยอรมันโรแมนติกได้ดีที่สุด ตั้งอยู่บนชายป่าโอเดนวาลด์ (ODENWALD MOUNTAIN CHAIN) ที่ซึ่งแม่น้ำเนคการ์ (NECKAR RIVER) ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำไรน์ (RHINE RIVER) และตัวเมืองตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่บนเนินริมฝั่งแม่น้ำ ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ของศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบโกธิคสมัยกลางและเคยถูกกองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าทำลายเมื่อปี ค.ศ 1689 และในปีค.ศ 1693 นอกจากนั้นยังเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ของไทยเมืองหนึ่ง เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ทรงประสูติ ณ เมืองนี้ และอัลเบิร์ต ไอสไตน์ เคยมาเดินบนเส้นทางนักปราชญ์ของเมืองนี้แล้ว นำท่านแวะชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก HEIDELBERG CASTLE  ซึ่งในอดีตเป็นป้อมปราการ และต่อมาได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นปราสาทเมื่อปีค.ศ 1544 แม้ปราสาทแห่งนี้จะเคยถูกเผาและทำลายไปบ้างในสมัยสงคราม แต่ก็ยังคงสภาพความสวยงามอยู่เหนือแม่น้ำเนคการ์ได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้   อิสระให้ท่านตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของปราสาท พร้อมชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำและเมืองไฮเดลเบิร์ก ซึ่งถือเป็นสถานที่ชมวิวที่สวยที่สุดที่ท่านไม่ควรพลาด ก่อนนำท่านสู่ ย่านเมืองเก่า นำท่านแวะบันทึกภาพกับ โบสถ์พระจิตอันบริสุทธิ์ Churh of Holy Spirit ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดเมืองเก่า รายล้อมไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร บาร์ และแหล่งช้อ ปปิ้งเรียงราย นำท่านบันทึกภาพกับอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ สะพานเก่า Old Bridge หรือ สะพานคาร์ล ธีโอดอร์ อีกหนึ่งจุดชมวิวที่สามารถถ่ายภาพสวยของเมืองเก่าโดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเนินเขา

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นเดินทางสู่เมือง ชเปเยอร์ Speyer (ระยะทาง 35 กม./ 30 นาที) อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของของ รัฐไรน์ลันด์-พฟัลซ์ Rheinland-Pfalz หรือ ไรน์แลนด์-พาลาทิเนต Rhineland-Palatinate รัฐที่ตั้งอยู่ตรงใจกลางเทือกเขาซีเฟอร์เกเบียร์เก อีกหนึ่งดินแดนของเยอรมนีที่ถูกห้อมล้อมด้วยนิยายปรัมปราอันน่าหลงใหล และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศเยอรมนีอีกด้วย นำท่าน เดินชม เมืองเก่าบริเวณ ถนน Maximilian สองฝั่งเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอันเก่าแก่และเป็นเอกลักษณ์ ผ่านชม อาคารศาลากลาง อันสดใสที่เพิ่งบูรณะใหม่หลังจากโดนไฟไหม้เสียหายในปี ค.ศ. 1689

ก่อนนำท่าน บันทึกภาพ มหาวิหารชเปเยอร์ Speyer Cathedral มหาวิหารเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในใจกลางของตัวเมือง ชไปเออร์ และยังเป็นที่ฝังพระบรมศพของพระมหากษัตริย์เยอรมันและพระจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ 8 พระองค์ ซึ่งต่อมาองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศให้มหาวิหารแห่งนี้เป็นมรดกโลกในปี 1981 อีกฝั่งปลายของถนนจะเป็น ประตูเมืองเก่า Old Gate เป็นประตูเมืองยุคกลางที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในประตูเมืองเก่า ซึ่งเดิมคือ 68 ประตู ปัจจุบันประตูเมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นเป็นหนึ่งในประตูเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุด (55 เมตร) ประตูนี้จะหันหน้าเข้าวิหารชเปเยอร์ ซึ่งถือเป็น  จุดสิ้นสุดของถนน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบูร์ก Strasbourg (ระยะทาง 120 ก.ม./ 1.30 ชม.) เมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) แห่งฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เรียกได้ว่ามี 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา สตราสบูร์กเป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่นชม

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร      

พักที่             Hilton Strasbourg – France    ****4ดาว

วันจันทร์ 22 ต.ค.61 (3)

หมู่บ้านฝรั่งเศสแสนสวย ( เกเซอร์สแบร์, ริคเวียร์, อองกีเชม) – กอลมาร์ – เดินเล่นชมเมือง

  เช้า        รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

 วันนี้เป็นวันท่องเที่ยวบรรดาหมู่บ้านฝรั่งเศส ที่ได้รับการขนานนามว่า Les Plus Beaux Villange de France หรือ หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ต้นแบบหมู่บ้านฝรั่งเศสที่หลายๆ ที่นำไปก่อสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว วันนี้จะเที่ยวสบายๆ วิ่งรถไม่ไกล มีเวลาให้ท่านได้เดินอิ่มเอมกับความน่ารักของแต่ละหมู่บ้าน จากนั้นได้เวลานำท่านสู่เมือง ริคเวีย (ระยะทาง 72 ก.ม./ 1.15 ชม.) เมืองที่ติดกับเมืองกอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของ แคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Villange de France หรือ หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก Unesco อีกด้วย นำท่านเดินชมบ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน  เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก ท่านสามารถลิ้มลอง  ชิมไวน์รสเลิศของแคว้นและซื้อเป็นของฝากคนทางบ้านตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเกเชอร์สแบรก์ Kaysersberg (ระยะทาง 15 นาที) ดินแดนบนเชิงเขาโดยเอกลักษณ์ของเมืองสวยแห่งนี้ คือ บ้านเรือนเป็นแบบอนุรักษ์สไตล์“ทิมเบอร์ เฟรมเฮ้าส์” ซึ่งเป็นสไตล์ที่ใช้ไม้เป็นวัสดุสำคัญอีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งแรกๆในแควน้อัสซาสอีกดว้ย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีศิลปะสถาปัตยกรรมออันหลากหลายยุคผสมผสานกันอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ให้ท่านได้เยี่ยมชมและถ่ายภาพความสวยงามตามอัธยาศัย พลาดไม่ได้กับบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์มาก

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านอองกีเชม EGUISHEIM (ระยะทาง 14 ก.ม./ 20 นาที) หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อีกหนึ่งหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” รวมทั้งเป็นหนึ่งในเส้นทางการชิมไวน์ทางตะวันออกของประเทศ อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของแคว้นอัลซาสอีกด้วย นำท่านเดินชม ความงดงามไปตามถนนอันคดเคี้ยวของหมู่บ้าน ตื่นตาไปกับความงดงามของเหล่าอาคารบ้านเรือนที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นยุคกลางไว้เป็นอย่างดี ชมความเก่าแก่ของอาคารไม้โบราณที่แต่งแต้มด้วยสีสันสีสดใส และเดินลัดเลาะไปชมหมู่ดอกไม้หลากสีสันที่ออกดอกชูช่อตามระเบียงบ้าน เสมือนกับภาพวาดสีน้ำมันที่สดใสประดับประดาเมืองโรแมนติกแห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

นำท่านเดินทางสู่เมือง กอลมาร์ Colmar (ระยะทาง 7 ก.ม./ 10 นาที) เมืองเล็กๆอันเป็นเมืองบ้านเกิดของจิตรกร และช่างแกะพิมพ์มาร์ติน โชนเกาเออร์ และประติมากรเฟรเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี  ผู้ออกแบบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกันด้วยบรรยากาศที่สวยงามสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่จึงทำให้เมืองกอลมาร์เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝันของใครอีกหลายคน นำท่าน ชมเมืองกอลมาร์ ดินแดนแห่งความงาม ที่มีตึกราบ้านช่องสวยงามมีจุดเด่นอยู่ที่ความงามของดอกไม้ ที่มีอยู่ทั่วเมือง จัดเป็นอีกเมืองที่ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติกจนได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ลเวนิซ” ปัจจุบันเมืองเก่าแก่แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่น่ามาเยือนเป็นอันดับต้นๆของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณ มีบ้านเรือนที่สวยงาม และได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี บ้านเรือนแบบนี้ เรียกว่า Colombage (ฝรั่งเศส) หรือ Fachwerkhaus (เยอรมัน) อิสระท่านเดินพักผ่อน เก็บภาพความสวยงามของเมือง หรือจะเลือกชิลนั่งจิบกาแฟรับแสงแดดสูดอากาศอันสดชื่น ให้สมกับที่ท่านได้มาเยือนสถานที่อันโรแมนติกแห่งนี้

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

ที่พัก             Mercure Colmar Centre Unterlinden – France    ****4ดาว

วันอังคาร 23 ต.ค.61 (4)

กรุงเบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์) – ทะเลสาบมรกต Blausee – เมอเรน (หมู่บ้านติดหน้าผาที่สวยที่สุด) – อินเทอลาเค่น     

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่ได้รับการยอมรับว่า เป็น 1 ในเรื่องภูมิประเทศที่งดงามที่สุด รถโค้ชจะนำท่านเดินทางผ่านเมืองชนบทน้อยใหญ่เข้าสู่บริเวณพรมแดนของสวิส และจะจอดให้ท่านได้กระทำการ ประทับตราศุลกากร Custom Stamp สำหรับท่านที่มีซื้อสินค้าก่อนหน้านี้และได้ซองภาษี Tax refund จากทางร้านค้ามา (สำหรับสินค้าที่จะซื้อในประเทศสวิส สามารถกระทำที่สนามบินวันสุดท้ายได้) นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น Berne (ระยะทาง 163 กม. / 2.30 ชม.) นครหลวงอันเก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสวยงามเป็นอย่างยิ่งจนได้รับการอนุรักษ์ และประกาศให้เป็น “มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้” ตั้งอยู่เนินเขา ซึ่งที่จุดนี้สามารถชมทิวทัศน์ของตัวเมืองเก่าได้ในมุมกว้าง

จากนั้นเที่ยวชม เบเร็นกราเบ็นหรือบ่อหมี สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง เดินทางเข้าสู่ย่าน มาร์คกาสเซ ย่านเมืองเก่า ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และร้านบูทีค นำชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี เข้าสู่ ถนนครัมกาสเซ เต็มไปด้วยร้านภาพวาด และร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ นำคณะชม นาฬิกาไซ้ท์ กล็อคเค่น อายุกว่า 800 ปี ที่มีโชว์ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงที่นาฬิกาตี  บอกเวลา และกรุงเบิร์นยังเป็นเมืองที่มีน้ำพุ  มากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านสู่ ทะเลสาบบลาวซี Blausee (ระยะทาง 54 ก.ม./ 1 ชม.) ทะเลสาบน้ำใสสีเทอควอยซ์ จุดเด่นของทะเลสาบเล็กอันนี้คือความสวยใสถึงขนาดเห็นปลาเทราซ์ของบ่อน้ำแห่งนี้ ทางเอกชนได้เพาะพันธ์ปลาไว้และเปิดให้นักตกปลาได้เข้ามาตกได้

จากนั้นนำท่านสู่ สถานีกระเช้า Stechelberg (Schilthornbahn) (ระยะทาง 50 ก.ม./ 1 ชม.) เพื่อนำท่าน นั่ง เคเบิ้ลคาร์ ขึ้นไปยัง หมู่บ้านเมอเรน MURREN หมู่บ้านชาเลต์สวิสที่ตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาเอลป์ ถือเป็นหมู่บ้านที่คนสวิสฯต่างบอกว่าที่นี้สวยยังกับสรวงสวรรค์ หากอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีหมอกบดบังท่านสามารถชม 3 ยอดขุนเขาที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่บ้านเมอเรน คือ ยอดเขา Eiger, Monch, Jungfrau หากมาในช่วง ดอกไม้ผลิ เม.ย. – ส.ค. ท่านจะพบกับดอกไม้ป่า และดอกไม้ที่ถูกปลูกประดับไว้ตามบ้านเรือนสวยงามยิ่งยิ่งนัก และหมู่บ้านเมอเรน ถือเป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์อากาศจึงยังบริสุทธิ์มาก อิสระท่านเก็บภาพและเดินเล่นในหมู่บ้านแสนน่ารักแห่งนี้ สมควรแก่เวลานำท่านกลับสู่สถานีเบื้องล่าง

หมายเหตุ      หมู่บ้าน Murren ถือเป็นอีก 2 หมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาเยือนสวิสฯไม่พลาดที่จะมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบ Backpacker เพราะที่นี้ขึ้นชื่อเรืองความสวยงามของบรรยากาศมาก  ** ความสวยงามวิวทิวทัศน์ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส รับประกันว่าสวยมาก **

ก่อนเดินทางต่อสู่เมือง อินเทอลาเค่น Interlaken (ระยะทาง 19 กม./ 30 นาที) เมืองหลวงของแบร์น  เนอร์โอเบอร์ลันด์ เมืองตากอากาศสวยงามพร้อมทะเลสาบ 2 แห่งกลางเมือง ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสอง  แห่งคือThunersee และ Brienzersee ท่ามกลางเทือกเขาน้อยใหญ่ อิสระให้ท่านเดินเล่นชมเมือง ชมวิวของเทือกเขาอันลือชื่อ , นาฬิกาดอกไม้ , สถานคาสิโน ฯลฯ ตรงนี้แหละคือสวิสฯแบบสุดสุด อย่างที่หลายคนยังไม่เคยได้สัมผัส และยังใช้เป็นฉากภาพยนต์ไทยเรื่อง “วันนี้ที่รอคอย” ท่านสามารถเลือกเดินเล่นผ่อนคลายอริยาบทสบายๆ สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นของสวิสให้เต็มปอด หรือ ท่านสามารถเลือกเดินช้อปปิ้งสินค้าสวิสเมด ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น นาฬิกาแบรนด์ดัง, มีดพับสวิส, เครื่องหนัง Bally หรือ ช๊อกโกแลต  

 ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

พักที่             Metropole – Interlaken, Switzerland    ****4ดาว

วัน พุธ 24 ต.ค.61 (5)

สถานีรถไฟกรินเดลวาลด์ – นั่งรถไฟฟันเฟือง – ยอดเขาจุงเฟรา Top of Europe – ลูเซิร์น

เช้า                    รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวยอดเขาจุงเฟรา ในปี 2001 UNESCO ประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำท่าน สัมผัสกับประสบการณ์นั่งรถไฟฟันเฟือง ผ่านชมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของ JUNGFRAUBAHN ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุต ซึ่งได้ รับการยกย่องว่าเป็น TOP OF EUROPE ระหว่างเส้นทางนำท่านสู่ยอดเขา แวะชมกลาเซียร์ หรือ ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ จนถึงสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป บนสถานีปลายทาง จุงฟราวบาห์น นำคณะ เพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับการเล่น หิมะในลานกว้าง จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ชมถ้ำน้ำแข็ง ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม. และหนา 700 เมตรโดยไม่เคย ละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขาจุงเฟรา และ ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ด โดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป

หมายเหตุ      การพิชิตยอดเขาจุงเฟรา เวลาอยู่ข้างบนยอดเขา ท่านอาจจะเหนื่อยและเพลียมากกว่าปกติ ด้วยสภาพอากาศที่น้อย พยายามอย่าออกแรงเยอะ

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านลงจากเขาโดยรถไฟฟันเฟือง แล้วนำท่านขึ้นรถโค้ชคันเดิมเพื่อเดินทางต่อสู่เมือง ลูเซิร์น Luzern (ระยะทาง 70 กม./ 1 ชม.)  ซึ่งเป็นอดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า “หลังคาแห่งทวีปยุโรป” (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้า อย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมี ภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม สำหรับเลี้ยงสัตว์ และเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่านักท่องเที่ยวบันทึกภาพไว้มากที่สุด

พาท่านชม สิงโตหินแกะสลัก Dying Lion of Lucerne บนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่  างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ผ่านชม สะพานไม้ชาเปล Chapel Bridge ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิสตลอดแนวสะพาน

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

พักที่             Astoria Lucerne – Switzerland     ***4ดาว

วัน พฤหัสฯ 25 ต.ค.61 (6)

แซงค์ กัลเลน – รถไฟสาย Appenzeller – หมู่บ้านอัพเพนเซล – ลินเดา – ฟุสเซ่น (เยอรมนี)

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนั่งรถโค้ชเข้าสู่เมือง แซงค์ กัลเลน St.Gallen (ระยะทาง 145 กม./ 1.45 นาที) อีก 1 เมืองสวยของสวิตเซอร์แลนด์ที่  มีโบสถ์สไตล์บาร็อค แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองและมีความสําคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป วิจิตรตระการตาไปด้วยงานศิลปะที่รวบรวมช่างทุกแขนงมาสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นที่มาของงานศิลปะบริสุทธิ์มากมายซึ่งมีต้นกําเนิดมาจากสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้อิทธิพลแบบบาร็อคยังคงเห็นได้เด่นชัดจากอาคาร บ้านเรือน ที่ตกแต่งด้านหน้าอย่างวิจิตรบรรจง

อิสระให้ท่านได้ชมความงดงามของบ้านเรือนที่เป็นเอกลักษณ์ สมควรแก่เวลานำท่านสู่สถานีรถไฟ เพื่อนำท่าน นั่งรถไฟสาย Appenzeller Bahn รถไฟเส้นทางชนบทที่เปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1904 วิ่งจากเมืองแซงค์กัลป์เลนสู่เมือง อัพเพนเซล Appenzell เมืองแห่งกระดิ่งวัว, ชีส แ  ละขนมบีเบอร์ (Biber) รถไฟจะลัดเลาะเข้าสู่เส้นทางสายชนบท ผ่านทุ่งหญ้าที่จะเขียวขจีในยามหน้าร้อนและขาวโพลนในฤดูหนาว ผ่านบ้านเรือนชาเล่ต์แบบสวิสแสนน่ารัก ถือเป็นอีก 1 เส้นทางรถไฟที่สวยมากในสวิตเซอร์แลนด์ Unseen / รถไฟเทียบชานชลา อัพเพนเซล

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

อิสระให้ท่านได้เดินเล่น ชมความงดงามของเมืองเล็กๆกลางหุบเขาแสนน่ารักแห่งนี้ บริเวณถนนเมืองเก่าหน้าสถานีรถไฟจะมีร้านต่างๆ อาทิ ร้านขายชีส, ร้านขายขนมบีเบอร์ หรือร้านขายเสื้อผ้าพื้นเมือง ที่เค้าว่ากันว่า เสื้อประจำชาติพื้นเมืองชาวสวิสคิดค้นขึ้นที่เมืองนี้

นำท่านสู่เมือง ลินเดา Lindau (ระยะทาง 55 ก.ม./ 1 ชม.) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทะเลสาบคอนสแตนซ์ Lake Constance ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของยุโรปกลาง เอกลักษณ์ของเมืองนี้คือมีตัวเมืองเก่าเป็นเกาะยื่นออกไปบริเวณทะเลสาบ ซึ่งเริ่มมีการสร้างเมืองมาตั้งแต่ปี ค.ศ.882 โดยแรกเริ่มก่อตั้งขึ้นโดยพระจากเมือง แซงค์กัลเลน (เมืองมรดกโลก ในเส้นทางนี้ที่เราจะได้ไปเยือนในวันถัดไป) เนื่องจากค้นพบที่อยู่อาศัยของนางชีและโบสถ์ ตัวเกาะหรือเมืองเก่าสามารถเดินทางข้ามได้ 2  ทางคือทางรถไฟและทางถนน นำท่านชม ตัวเมืองเก่า ชมบริเวณ อ่าวริมทะเลสาบ Habour Entrance อันเป็นที่ตั้งของ ประภาคารใหม่ (Lindau Lighthouse) อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง, อนุสาวรีย์สิงโตบาวาเรีย และ Mangtrum หอคอยเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ที่ใช้สอดส่องระวังภัย จากนั้น นำท่านถ่ายรูป กับ ศาลาว่าการเมืองเก่า ที่สวยงามและคลาสสิค บนผนังด้านหน้ามีภาพวาดศิลปะเฟรสโก้ส่วนด้านบนมีรูปปั้นเทพีแห่งความยุติธรรม ก่อนมีเวลา อิสระท่านเดินช้อปปิ้ง ร้านค้าบนถนนลุดวิก และถนนแม๊กซิมิเลียน ซึ่งจะเป็นร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์ท้องถิ่น อาทิ หมวก รองเท้า เสื้อผ้า ของที่ระลึก หรือจะเลือกหาดื่มกาแฟ ชิมขนมเค๊ก ก็มีอยู่เยอะในเมืองเก่าแห่งนี้

หมายเหตุ   ชมบรรยากาศของเมืองริมทะเลสาบแห่งนี้ ทัวร์ยังมาไม่เยอะ เราอยากให้ท่านลองสัมผัส

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ฟุสเซ่น Fussen (ระยะทาง 110 ก.ม. / 1.30 ช.ม.) เมืองสุดท้ายบนถนนสายโรแมนติก ซึ่งเคยมีความรุ่งเรืองในอดีตตั้งแต่ยุคโรมันใช้เมืองนี้เป็นจุดแวะพักขนถ่ายสินค้าและซื้อขายเกลือมาแต่โบราณ โดยปัจจุบันบรรยากาศตัวเมืองมีบรรยากาศที่แสนจะน่ารัก มีร้านอาหาร, โรงแรมที่พัก ตลอดจนร้านขายของที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

พักที่             Best Western – Fussen, Germany    ****4ดาว

วันศุกร์ 26 ต.ค.61 (7)

ชวานเกา – ปราสาทนอยชวานสไตนน์ – อินสบรูกก์ (ออสเตรีย) – หลังคาทองคำ – เดินเล่นย่านเมืองเก่า

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นเดินทางสู่ หมู่บ้านชวานสเกา (ระยะทาง 104 กม./ 1.45 ชม.) นำท่าน ขึ้นชม ปราสาทนอยชวานสไตน์ ของกษัตริย์ลุดวิคที่สองแห่งบาวาเรีย ทรงได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างปราสาท จากความหลงใหลในการแสดงอุปรากร ต่อมาปราสาทนอยชวานสไตน์ ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบฉากบัลเล่ต์และละครอีกนับร้อย ๆ เรื่อง ปราสาทนี้เป็นเหมือนปราสาทในเทพนิยายที่มีมนต์เสน่ห์ที่สุดในโลกและเป็นแบบจำลองให้วอลท์ ดิสนีย์ นำไปสร้างเป็นปราสาทของเจ้าหญิงในภาพยนตร์เรื่องเจ้าหญิงนิทรา ปราสาทเทพนิยายนอยชวานสไตน์ นี้ตั้งอยู่เหนือโกรกธารขรุขระของแม่น้ำพอลแล็กในเทือกเขาแอลป์ เป็นปราสาททรงเสน่ห์ที่มีมนต์ขลังที่สุดในโลก หอคอยสีง  าช้างของปราสาทดูลอยเด่นอยู่กลางป่าสนเขียวขจี กำเนิดขึ้นจากความฝันของพระเจ้าลุดวิคที่ 2 เพียงพระองค์เดียว ผู้ทรงบันดาลให้เป็นจริงด้วยพระราชทรัพย์อันมหาศาล

นำท่านสู่ จุดชมวิวถ่ายรูปปราสาททั้งหลัง แล้วเดินชมความร่มรื่นของแนวป่าสนสู่ตัวปราสาท แล้ว นำเข้าชมความวิจิตรพิศดารของตัวปราสาทภายใน ที่พระองค์ทุ่มเทพระราชทรัพย์เพื่อเนรมิตฝันให้เป็นจริง ชมผลงานชิ้นเอกของจิตรกร ประติมากร และช่างแกะไม้ฝีมือเยี่ยม นำชมห้องบัลลังก์ ห้องบรรทม ห้องทรงดนตรีโอเปร่า ถ้ำแห่งวีนัส ท้องพระโรง และห้องครัวที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น จากนั้นกลับลงสู่เชิงเขา

หมายเหตุ     รถ Shuttle Bus ที่วิ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยวขึ้นลงปราสาท อาจมีหยุดให้บริการในช่วงฤดูหนาวหรือวันหิมะตก หากรถบัสไม่วิ่ง จะเปลี่ยนพาท่านขึ้นโดย นั่งรถม้า (นั่งได้ 8-12 คน และ รวมอยู่ในค่าบริการ เฉพาะขาขึ้นเท่านั้น) ท่านอาจจำเป็นต้องเดินขึ้นปราสาท ในกรณีที่คิวรถม้าค่อนข้างยาวซึ่งอาจมีผลทำให้ไม่ทันรอบเวลาเข้าปราสาท หากท่านไหนสละสิทธิ์ไม่เข้าปราสาท ขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินทุกรณี (ระยะทางเดินขึ้นเขาใช้เวลาเดินประมาณ 25 – 30 นาที)

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง อินสบรูกก์ Innsbruck (ระยะทาง 113 ก.ม./ 1.45 ชม.) หนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย (อีกสองแห่งคือเวียนนาและซาลส์บวร์ก) ตัวเมืองตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน มีลักษณะเป็นที่ราบแคบแทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์ เดิมทีเมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวร์ก เนื่องด้วยเพราะสภาพอากาศที่ดีตลอดปี เป็นเหตุให้ผู้ที่ได้เข้ามาปกครองออสเตรียต่างติดใจมาพักผ่อนในเมืองแห่งนี้ อาทิเช่น พระนางมาเรีย เทเรเซีย หรือแม้แต่ นโปเลียน โบนาปาร์ต ยังชอบมาพำนักที่เมืองนี้

นำท่านชม ย่านเมืองเก่า ที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ชม โกลเด้นรูฟ หรือ หลังคาทองคำ ที่มีชื่อเสียง สัญลักษณ์สำคัญของเมืองเก่าในนครอินซ์บรูค ก่อสร้างเมื่อศตวรรษที่ 15 ด้วยศิลปะสไตล์โกธิกผสมบาโร๊ค โดยส่วนของหลังคาที่ยื่นออกมาจากระเบียงก่อสร้างด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น ปัจจุบันโกลเด้นรูฟถูกใช้เป็นสำนักงานการประชุมอัลไพน์นานาชาติ ก่อนมีเวลา อิสระให้ท่านเดินเล่น ณ ย่านเมืองเก่า ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าต่างๆบริเวณร้านค้าในเมืองเก่า อาทิ คริสตัลชวารอฟสกี้ แท้ๆของประเทศออสเตรีย ตัวโรงงานใหญ่ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองอินสบรูกก์, ร้านนาฬิกาแบนด์ชั้นนำต่างๆ, ร้านขายของที่ระลึก และร้านเสื้อผ้าแฟชั่น

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

พักที่             AC Hotel Innsbruck – Austria    ****4ดาว

วันเสาร์ 27 ต.ค.61 (8)

เบิร์ชเทสการ์เด้น – ล่องเรือทะเลสาบโคนิก (น้ำใสที่สุดในเยอรมนี) – หมู่บ้านฮัลสตัทท์ Unesco

 

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่เมือง เบิร์ชเทสการ์เด้น Berchtesgarden (ระยะทาง 155 ก.ม./ 1.45 ชม.) เมืองแห่งศูนย์กลางของเส้นทางการค้าขายพวกแรเกลือมาตั้งแต่ในสมัยอดีต นำท่าน ล่องเรือ ชมทะเลสาบโคนิกส์เซ่ KONIGSSEE LAKE หรือ ทะเลสาบกษัตริย์ Königssee เป็นทะเลสาบในหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้เมืองเบิร์ชเทสการ์เด้น เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน นอกจากนั้นยังเป็นทะเลสาบที่ใสที่สุด สะอาดที่สุด และอยู่สูงที่สุดในประเทศเยอรมนี ด้วยเหตุนี้เองจึงอนุญาตให้เฉพาะเรือพายและเรือที่ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น สามารถแล่นไปมาในทะเลสาบได้ อิสระท่านชมความงดงามของทิวทัศน์รอบๆ ทะเลสาบ โดยมีวิวของภูเขาเจนเนอร์ (JENNER MOUNTAIN) ภูเขาที่มีความสูงประมาณ 1,874 เมตร และ โบสถ์รูปทรงหัวหอม (St.Bartholomew) อันโด่งดัง จนได้เวลาสมควร นำท่านล่องเรือกลับสู่ฝั่ง

หมายเหตุ     เรืออาจปิดบริการ หากวันนั้นสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือมีเหตุจำเป็น

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ซาลส์บวร์ก Salzburg (ระยะทาง 26 ก.ม./ 30 นาที) เมืองแสนสวยที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำซาลซัค มีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ซึ่งตั้งอยู่ในอ้อมกอดของขุนเขาทุ่งหญ้าเขียวขจีและทะเลสาบมองต์เซ ซึ่งเคยใช้เป็นฉากถ่ายทำภาพยนตร์เพลงชื่อก้องโลก The Sound of Music

นำท่านชมและถ่ายรูป กับ สวนมิราเบล สวนอันสวยงามที่ตั้งอยู่ภายในพระราชวังเดิม ตกแต่งพันธุ์ไม้หลากหลายสีสัน จากนั้น เดินข้ามฝั่งสู่เมืองเก่า ที่มีปราสาทโฮเฮนซาลส์บวร์กตั้งเด่นตระหง่านอยู่บนเนินเขา แวะบันทึกภาพกับบ้านเกิดของศิลปินเอกผู้แต่งเพลงคลาสสิคชื่อก้องโลกชาวออสเตรียนนามว่า โมสาร์ท Mozart ผู้ซึ่งสร้างผลงานทางด้านดนตรีไว้อย่างมากมาย บริเวณใจกลางเมืองซาลส์บวร์กจะมีถนนเล็กๆ ที่คึกคักมากเพราะเป็นย่านธุรกิจสำคัญ ซึ่งเต็มไปด้วย ร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายหนังสือ ร้านอาหาร และร้านขายของฝากมากมาย อิสระให้ท่านเดินเล่นชมบรรยากาศและถ่ายรูปเมืองซาลส์บวร์กตามอัธยาศัย

หมายเหตุ     เนื่องจากเมืองซาลส์บวร์กได้มีการจำกัดจุดจอดรถของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้การที่จะไป ถ่ายรูปกับสวนมิราเบลนั้น จะต้องเดินไกลขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทางคณะ หากท่านใดประสงค์จะเดินไป ทางหัวหน้าทัวร์เรายินดีพาท่านไปเพื่อถ่ายรูปกับสวน หากท่านใดไม่ไปสามารถเดินเล่นช้อปปิ้งในเมืองเก่ารอได้

นำท่านเดินทางสู่เมือง ฮัลสตัทท์ Hallstatt (ระยะทาง 80 ก.ม./ 1.15 ชม.) เมืองมรดกโลกเก่าแก่อายุกว่า 4,000 ปี ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สวยงามยิ่งและดึงดูดนักเดินทางมากมายให้มายังเมืองนี้ ตัวหมู่บ้านฮัลสตัทท์เป็นเมืองเล็กๆริมทะเลสาบ มีประชากรอาศัยไม่ถึง 1,000 คน มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงชัน บ้านเรือนในเมืองนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่แคบๆ ริมทะเลสาบ Halls tatter Sea จึงต้องสร้างลดหลั่นเป็นชั้นๆ ตามแนวเขา วันนี้เราอาจจะเดินทางมาถึงหมู่บ้านฮัลสตัทท์ในช่วงเย็น ไม่ต้องกังวลว่าจะมีเวลาน้อยในการชื่นชมความสวยงาม เพราะวันรุ่งขึ้นเรามีเวลาให้ถึง “ครึ่งวันเช้า” ท่านจะได้มีเวลาชมหมู่บ้านแสนสวยแห่งนี้แบบ “เต็มอิ่ม”

หมายเหตุ     การเดินเข้าไปยังหมู่บ้านฮัลสตัทท์ ระยะทางเดินประมาณ 650 – 700 เมตร รถใหญ่ไม่สามารถเข้าได้ ต้องจอดที่จุดจอดรถด้านหน้าหมู่บ้านที่เดียว ต้องขออภัยในความไม่สะดวก แต่รับรองว่าท่านจะประทับใจกับความสวยของหมู่บ้านแห่งนี้อย่างใกล้ชิดแน่นอน

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

พักที่             Heritage Hallstatt  *เที่ยวกับเพอร์เฟคแพลน ต้องพักในฮัลสตัทท์เท่านั้น*

 หมายเหตุ      กรุณาจัดเตรียมสัมภาระสำหรับพักค้างคืนในหมู่บ้านฮัลสตัทท์ 1 คืน แยกใส่กระเป๋าใบเล็ก เพื่อความสะดวกในการเข้าพัก ส่วนกระเป๋าใหญ่จะเก็บไว้ใต้ท้องรถ ***

วันอาทิตย์ 28 ต.ค.61 (9)

ชมหมู่บ้านฮัลสตัทท์ – มิวนิค – จตุรัสมาเรียนพลาส

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

อิสระท่านในช่วงเช้า ยังมีเวลาให้ท่านได้เก็บภาพของหมู่บ้านฮัลสตัทท์ แบบเต็มอิ่ม บรรยากาศของแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า จะสวยมากเป็นพิเศษ และจุดหมายต่อไปอย่างเมืองมิวนิคก็เดินทางไม่ไกลมาก นำท่านเดินเล่นเที่ยวชมเมือง ฮัลสตัทและบรรยากาศริมทะเลสาบ Halls tatter Sea จากนั้น อิสระเวลาให้แก่ท่าน เพื่อเก็บภาพความสวยงามและบรรยากาศอันสุดแสนโรแมนติกของเมืองฮัลสตรัทแห่งนี้อย่างเต็มอิ่มแน่นอนหมู่บ้านแห่งนี้มีมุมสวยๆเยอะมาก นอกจากมุม “มหาชน” ที่นักท่องเที่ยวเดินไปถ่ายรูปกัน

หมายเหตุ     หมู่บ้านแห่งนี้มีมุมสวยๆ เยอะมาก นอกจากมุม “มหาชน” ที่นักท่องเที่ยวเดินไปถ่ายรูปกัน แนะนำ!! ให้ท่านลองเดินหาขึ้นไปทางบริเวณด้านบนของหมู่บ้าน แล้วท่านจะได้เห็นวิวที่แตกต่าง เดินไม่ยากเข้าตามซอยมีทั้งทางลาดและบันได ขอความกรุณาท่านอย่าส่งเสียงดังเวลาถ่ายรูป เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนชาวบ้านอาศัยอยู่

กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นเดินทางสู่ มิวนิค MUNICH (ระยะทาง 207 ก.ม./ 3 ชม.) มหานครแห่งแคว้นทางตอนใต้ เป็นเมือง ที่มีบรรยากาศรื่นรมย์และเต็มไปด้วยอาคารเก่าแก่สวยงามมากมาย อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของภูมิภาคและเป็นเจ้าของพิพิธภัณฑ์ที่เด่นที่สุดในประเทศเยอรมนีอีกหลายแห่ง นำท่านเดินทานำท่าน ผ่านชม ย่านสำคัญๆ ผ่านชม บริเวณ สนามกีฬาโอลิมปิค ที่มิวนิคได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพเมื่อปี ค.ศ.1972

นำท่านสู่บริเวณ จตุรัสมาเรียน MARIEN PLATZ ย่านเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรมอันเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของมิวนิค เช่น ศาลาว่าการเก่าในรูปแบบศิลปะโกธิค สร้างเมื่อปี ค.ศ.1867-1908 ซึ่งมีหอระฆังอันมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ตั้งอยู่ตัวหอคอย มีความสูงถึง 278 ฟุต, หอคอยของโบสถ์แม่พระที่มีรูปแบบคล้ายหัวหอมใหญ่

ค่ำ                รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร 

พักที่             Four Point By Sheraton  – Munich, Germany    ****4ดาว

วันจันทร์ 29 ต.ค.61  (10)

สนามบินมิวนิค – กรุงเทพฯ

เช้า               รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

09.00 น.     เดินทางสู่สนามบิน มิวนิค เผื่อเวลาให้ท่านกระทำภาษีคืน TAX REFUND (ระยะทาง 38 ก.ม./ 40 นาที)

14.25 น.     ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ TG 925

วันอังคาร 30 ต.ค.61  (11)

กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ)

06.05 น.          เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารชั้น 2 โดยสวัสดิภาพและมีความสุข…

อัตราค่าบริการ

ทัวร์ยุโรป One for All เยอรมัน ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย 11 วัน (WE-10A)

วันเดินทาง ราคาผู้ใหญ่

ห้องพักคู่

2 ท่าน

ราคาเด็ก*

พักห้อง

1 เด็ก+1 ผู้ใหญ่

ราคาเด็ก*

1 เด็ก+ 2 ผู้ใหญ่

(เสริมเตียง)

ราคาเด็ก**

1 เด็ก + 2 ผู้ใหญ่ (ไม่เสริมเตียง)

พักเดี่ยวเพิ่ม
20 – 30 ตุลาคม 2561 119,900 119,900 116,900 115,900 16,900

หมายเหตุ  :  เด็กต้องมีอายุ 2-12 ปี บริบูรณ์  //  เด็กอายุ 5-12 ปี โรงแรมในยุโรปจะบังคับเสริมเตียง

อัตรานี้รวม

  • ตั๋วเครื่องบินไป – กลับ (ชั้น ECONOMY) ตามเส้นทางและสายการบินที่รายการระบุไว้
  • ภาษีสนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและปลายทางต่างประเทศ
  • ค่าที่พัก พร้อมอาหารเช้า (ห้องละ 2 ท่าน) ในระดับดาวมาตรฐานตามโรงแรมที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า หากวันเข้าพักตรงกับช่วงเทศกาลหรืองานจัดแสดงสินค้า อาจมีการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมือง แต่จะคำนึงถึงเส้นทางและความสำคัญของลูกค้าเป็นหลัก
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุในรายการ
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศ ขนาด 49 ที่นั่ง นำเที่ยวตามสถานที่ระบุในรายการ
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆตามที่ระบุในรายการ
  • ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้ใหญ่อายุเกิน 75 ปีได้รับความคุ้มครองเพียง 50% ของวงเงินประกัน
  • หัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์ อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
  • ค่าธรรมเนียมวีซ่าเชงเก้น ระยะเวลาตามวันที่ระบุในรายการ
  • ค่าธรรมเนียมทิป  คนขับรถต่างประเทศ

อัตรานี้ไม่รวม 

  • ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % กรณีออกใบกำกับภาษี
  • ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ / ค่าซักรีด / ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋า ขอเรียนให้ท่านทราบว่า กรณีไม่มีบริการยกกระเป๋า ท่านผู้เดินทางทุกท่านจะต้องดูแลทรัพย์สินของท่านด้วยตนเอง
  • ค่าธรรมเนียมทิป หัวหน้าทัวร์ (ตามอัธยาศัย) ปกติท่านละ 25 ยูโร
  • ค่าปรับน้ำหนักกระเป๋าที่เกินกว่าที่ทางสายการบินกำหนด

 

เงือนไขการจองทัวร์

  • กรุณาชำระมัดจำท่านละ 40,000 บาท ภายใน 2 วัน จากวันจอง โดยโอนเข้าบัญชี ที่นั่งจะยืนยันเมื่อได้รับเงินมัดจำแล้วเท่านั้น
  • ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
  • เมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าให้จัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าได้ ท่านสามารถจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าได้ทันที
  • หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  • การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะ และยื่นรายบุคคล (แสดงตน) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่
  • หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด

เงื่อนไขการชำระเงินส่วนที่เหลือ

  • ส่วนที่เหลือชำระก่อนเดินทาง 20 วัน หรือเมื่อทางสายการบินมีการเรียกออกตั๋ว โดยทางบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าก่อนจะมีการเรียกเก็บเงิน
  • หากท่านไม่ผ่านการอนุมัติวีซ่า ทางบริษัทฯ ขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า / ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน / ค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) ทางบริษัทฯ จะทำการ Refund กับทางสายการบิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3- 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และขึ้นอยู่กับ Condition ของทางสายการบิน / ค่าส่วนต่างในกรณีที่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ครบตามจำนวน

เงื่อนไขการยกเลิกและการปรับเงินค่าบริการ

  • ยกเลิกหลังการจอง ปรับเงินทันที 1,000 บาท (คิดเป็นค่าบริการของพนักงาน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30-45 วัน หักค่ามัดจำ 50% ของเงินมัดจำ + ค่าวีซ่า
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-30 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของเงินมัดจำ
  • ยกเลิกการเดินทาง 1-15 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของราคาทัวร์
  • หากมีการออกตั๋วเครื่องบิน หรือจองโรงแรมไปแล้ว ทางบริษัทฯ จะคิดค่าบริการตามจริง
  • กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ท่านต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯ จะส่งเรื่องขอ Refund เฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินกับทางสายการบิน โดยดุลยพินิจขึ้นอยู่กับทางสายการบินเท่านั้น หรือ หากท่านต้องการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไป ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ จากคณะทัวร์เดิมที่ท่านไม่ได้เดินทาง คือ ค่าธรรมเนียมในการมัดจำตั๋ว และค่าธรรมเนียมวีซ่าตามที่สถานทูตฯ เรียกเก็บ
  • กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์ หรือมัดจำมาแล้ว ทางบริษัทฯ ขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า / ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน / ค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) ทางบริษัทฯ จะทำการ Refund กับทางสายการบิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3- 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และขึ้นอยู่กับ Condition ของทางสายการบิน / ค่าส่วนต่างในกรณีที่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ครบตามจำนวน
  • กรณีวีซ่าผ่านแล้ว แจ้งยกเลิกก่อน หรือหลังออกตั๋วโดยสาร บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด