© นั่งกระเช้าชมวิว + เดินเล่นชมหมู่บ้าน รูเดสฮาล์ม อัม ไรน์ หมู่บ้านมรดกโลกริมแม่น้ำไรน์ ห้ามพลาด

© ชม ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ปราสาทในยุคกลางที่สวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเยอรมนี ห้ามพลาด

© ช้อปปิ้ง Outlet city Metzingen CHIC เอาท์เลตแห่งใหม่พบแบรนด์เนมมากมาย  ต้องช้อป !!

© UNSEEN!! หมู่บ้านฝรั่งเศสขนานแท้แคว้นอัลซาส สวยติดอันดับโลก ริคเวียร์ , เออกีเชม และ กอลมาร์

© UNSEEN!! นั่งกระเช้า Stechelberg สู่ หมู่บ้านเมอเรน MURREN หมู่บ้านติดหน้าผาที่สวยที่สุดในโลก

© นั่งรถไฟฟันเฟือง พิชิต ยอดเขาจุงเฟรา Top of Europe สนุกสนานกับ ลานหิมะ และ ถ้ำน้ำแข็ง

คลิก>>>โหลดโปรแกรม…

เดินทางวันที่   23-30 กรกฎาคม 2561

(Day 1) วันจันทร์ที่ 23 กรกฏาคม 2561

สนามบินสุวรรณภูมิ – กรุงเทพฯ – แฟรงค์เฟิร์ต

 21.00 น.      คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 2 เคาน์เตอร์ สายการบินไทย เคาน์เตอร์ D สังเกตุป้ายบริษัท… พบกับเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยดูแลเช็คสัมภาระและบัตรที่นั่งบนเครื่อง

23.45 น.      ออกเดินทางสู่ แฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยเที่ยวบินที่ TG 920

(Day 2) วันอังคารที่ 24 กรกฏาคม 2561

สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต – รูเดสฮาล์ม อัม ไรน์ – ไฮเดลเบิร์ก – ปราสาทไฮเดลเบิร์ก – ย่านเมืองเก่า – เฟราเดนสตัทท์

06.00 น.     เดินทางถึง แฟรงต์เฟริ์ต ประเทศเยอรมัน หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ รูเดสฮาล์ม อัม ไรน์ Ruedesheim am Rhein (ระยะทาง 64 กม./ 1 ชม.) หมู่บ้านแสนสวยติดแม่น้ำไรน์ที่มีบรรยากาศของเมืองเก่าโรแมนติกมาก เป็นหมู่บ้านแห่งการผลิตไวน์ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกจาก UNESCO นำท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า Seilbahngesellschaft โดยกระเช้าจะค่อยๆลอยผ่านไร่องุ่นที่ปลูกกันตามเชิงเขา เห็นแม่น้ำไรน์ที่ไหลผ่านหมู่บ้านเบื้องล่าง จนกระทั่งสู่บริเวณ จุดชมวิว VIEW POINT อันเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์ Niederwalddenkmal อนุสาวรีย์แห่งการรวมชาติเยอรมันที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของเนินเขา อิสระท่านชมทิวทัศน์อันมี หมู่บ้าน, แม่น้ำไรน์และไร่ไวน์เป็นฉากอยู่เบื้องล่างสวยงาม สมควรแก่เวลานำท่านนั่งกระเช้าลงสู่เบื้องล่าง แล้วนำท่านเดินชมย่านแห่งการสังค์สรรค์ ณ ถนน Drosselgasse เป็นตรอกเล็กๆตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 ในตรอกแห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของร้านอาหารและร้านไวน์ ซึ่งจะมีการดื่มและปาร์ตี้กันตลอดทั้งวันทั้งคืนในช่วงหน้าร้อน บรรดาร้านอาหารจะนำโต๊ะและเก้าอี้มาตั้งรองรับลูกค้าด้านนอกในช่วงวันบรรยากาศดีๆ ก่อนนำท่านสู่ ย่านร้านค้าในบริเวณเมืองเก่า อิสระให้ท่านเดินชมร้านรวงต่างๆ อาทิ ร้านขายไวน์, ร้านขายขนมและร้านขายของที่ระลึกน่ารักตามอัธยาศัย

***หมายเหตุ กระเช้าอาจมีการปิดให้บริการในวันที่สภาพอากาศไม่ดีหรือมีเหตุจำเป็นต่างๆ หากไม่สามารถขึ้นได้ ทางเราจะคืนเป็นเงินให้ท่านละ 7 ยูโร

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง ไฮเดลเบิร์ก HEIDELBERG (ระยะทาง 125 ก.ม./ 2 ชม.) เป็นเมืองที่แสดงความ เป็นตัวตนของความเป็นเยอรมันโรแมนติกได้ดีที่สุด ตั้งอยู่บนชายป่าโอเดนวาลด์ (ODENWALD MOUNTAIN CHAIN) ที่ซึ่งแม่น้ำเนคการ์ (NECKAR RIVER) ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำไรน์ (RHINE RIVER) และตัวเมืองตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่บนเนินริมฝั่งแม่น้ำ ไฮเดลเบิร์กเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ของศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบโกธิคสมัยกลางและเคยถูกกองทัพฝรั่งเศสบุกเข้าทำลายเมื่อปีค.ศ 1689 และในปีค.ศ 1693 นอกจากนั้นยังเป็นเมืองทางประวัติศาสตร์ของไทยเมืองหนึ่ง เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ทรงประสูติ ณ เมืองนี้ และอัลเบิร์ต ไอสไตน์ เคยมาเดินบนเส้นทางนักปราชญ์ของเมืองนี้แล้ว

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก HEIDELBERG CASTLE  ซึ่งในอดีตเป็นป้อมปราการ และต่อมาได้ถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นปราสาทเมื่อปีค.ศ 1544 แม้ปราสาทแห่งนี้จะเคยถูกเผาและทำลายไปบ้างในสมัยสงคราม แต่ก็ยังคงสภาพความสวยงามอยู่เหนือแม่น้ำเนคการ์ได้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ อิสระให้ท่านชมความสวยงามของปราสาท พร้อมชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำและเมืองไฮเดลเบิร์ก ซึ่งถือเป็นสถานที่ชมวิวที่สวยที่สุดที่ท่านไม่ควรพลาด ก่อนนำท่านขึ้น รถราง Funicular Heidelberger Bergbahn ลงจากปราสาทสู่สถานี Kornmarkt เพื่อนำท่านเดินสู่ ย่านเมืองเก่า  นำท่านแวะบันทึกภาพกับ โบสถ์พระจิตอันบริสุทธิ์ Churh of Holy Spirit ที่ตั้งอยู่ใจกลางตลาดเมืองเก่า รายล้อมไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร บาร์ และแหล่งช้อปปิ้งเรียงราย นำท่านบันทึกภาพกับอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้ สะพานเก่า Old Bridge หรือ สะพานคาร์ล ธีโอดอร์ อีก  หนึ่งจุดชมวิวที่สามารถถ่ายภาพสวยของเมืองเก่าโดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเนินเขา ก่อนมีเวลาให้ท่านได้เดินเล่น ณ ถนนช้อปปิ้ง Hauptstrasse ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง เฟราเดนสตัทท์ Freudenstadt  (ระยะทาง 130 ก.ม./  1.45 ชม.) 1 เมืองของรัฐบาเดน วูร์ทเทนเบิร์ก เป็นเมืองด่านหน้าของการเที่ยวชมป่าดำ และเป็นเมืองที่มีจตุรัสตลาด MarktPlatz ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี

ค่ำ         รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่     Dormero Hotel Freudenstadt

(Day 3) วันพุธที่ 25 กรกฎาคม 2561 

ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น – ช้อปปิ้ง Outlet city Metzingen – สตราสบรูกก์ (ฝรั่งเศส)

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น HOHENZOLLERN CASTLE (ระยะทาง 67 กม./ 1 ชม.) ปราสาทในยุคกลางที่สวยเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศเยอรมนี GERMANY บางคนถึงกับบอกว่าสวยเป็นอันดับหนึ่งเพราะตั้งอยู่บนยอดเขา มีท้องฟ้าเป็นฉากหลังจึงมองเห็นได้เด่นชัดกว่าปราสาทอื่น ๆ ปราสาทสไตล์นีโอโกธิกหลังนี้เป็น สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ รัฐบาเดน – วูร์ตเทมเบิร์ก BADAN – WURTTEMBERG รัฐที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยปราสาทแห่งนี้เป็นที่พำนักอันแสนโออ่าของราชวงศ์ปรัสเซีย ทว่าถูกทำลายในปี ค.ศ.1423 และสร้างขึ้นใหม่ถึงสองครั้ง โดยรูปแบบปัจจุบันเป็นผลงานจากสมัยศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้มีผู้คนไปเยี่ยมชมมากกว่า 300,000 คนต่อปี นั้นจึงทำให้เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีผู้ชมมากที่สุดในประเทศเยอรมันอีกด้วย นำท่านชมด้านในปราสาท ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม อาทิ โบสถ์ส่วนพระองค์, ห้องท้องพระโรงใหญ่อันใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยง, ห้องเก็บมงกุฏประจำราชวงศ์, ห้องทรงงานส่วนพระองค์, ห้องนั่งเล่น เป็นต้น ก่อนนำท่านชมวิวอันงดงามบริเวณลานกว้างของปราสาท สมควรแก่เวลานำท่านลงจากยอดเขาของปราสาทโดยรถ Shuttle Bus ที่ทางปราสาทจัดสรรค์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเยี่ยมชม จากนั้นนำท่านสู่ เอาท์เลตเมตซิงเกน Outlet city Metzingen (ระยะทาง 46 ก.ม./ 40 นาที)

กลางวัน   ขออนุญาตแจกเป็น Pocket Money ท่านละ 20 ยูโร สำหรับมื้อกลางวัน เพื่อความสะดวกในการช้อปปิ้ง

อิสระช้อปปิ้ง ณ แหล่งช้อปปิ้งสุดชิคแห่งใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมของคนเมืองสตุทการ์ทและเมืองรอบๆ ภายในสร้างเป็นอาคารรูปทรงทันสมัย รายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นอกจากนั้นยังรวบรวมแบรนด์แฟชั่นต่างๆทั้งแบรนด์เนมและสตรีทแบรนด์วัยรุ่น อาทิ ARMANI, BALLY, BURBERRY, BOTEGA VENETTA, GUCCI, PRADA, Super Dry, Adidas, Nike, Diesel, Coach, Jimmy choo, TODs ฯลฯ

15.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง สตราสบรูกก์ Strasbourg (ระยะทาง 170 ก.ม./ 3 ชม.) เมืองมรดกโลกด้านมนุษยชาติขององค์การยูเนสโก เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) แห่งฝรั่งเศส เป็นเมืองที่เรียกได้ว่ามี 2 วัฒนธรรมคือ ฝรั่งเศสและเยอรมัน เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา สตราสบูร์กเป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองได้ชื่นชม

ค่ำ         รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร   

พักที่     Hilton Strasbourg  ** พัก 2 คืน ไม่ต้องเหนื่อยย้ายโรงแรมบ่อย **

(Day 4) วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม 2561

หมู่บ้านอองกีเชม – หมู่บ้านเกเชอร์สแบรก์ – หมู่บ้านริคเวีย – กอลมาร์ – สตราสบรูกก์

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

วันนี้เป็นวันท่องเที่ยวบรรดาหมู่บ้านฝรั่งเศส ที่ได้รับการขนานนามว่า Les Plus Beaux Villange de France หรือ หมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส ต้นแบบหมู่บ้านฝรั่งเศสที่หลายๆที่นำไปก่อสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยว วันนี้จะเที่ยวสบายๆ วิ่งรถไม่ไกล มีเวลาให้ท่านได้เดินอิ่มเอมกับความน่ารักของแต่ละหมู่บ้าน

นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านอองกีเชม EGUISHEIM (ระยะทาง 95 ก.ม./ 1.30 ชม.) หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อีกหนึ่งหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” รวมทั้งเป็นหนึ่งในเส้นทางการชิมไวน์ทางตะวันออกของประเทศ อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของแคว้นอัลซาสอีกด้วย นำท่านเดินชม ความงดงามไปตามถนนอันคดเคี้ยวของหมู่บ้าน ตื่นตาไปกับความงดงามของเหล่า

อาคารบ้านเรือนที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นยุคกลางไว้เป็นอย่างดี ชมความเก่าแก่ของอาคารไม้โบราณที่แต่งแต้มด้วยสีสันสีสดใส และเดินลัดเลาะไปชมหมู่ดอกไม้หลากสีสันที่ออกดอกชูช่อตามระเบียงบ้าน เสมือนกับภาพวาดสีน้ำมันที่สดใสประดับประดาเมืองโรแมนติกแห่งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านเกเชอร์สแบรก์ Kaysersberg (ระยะทาง 14 ก.ม./  30 นาที) ดินแดนบนเชิงเขาโดยเอกลักษณ์ของเมืองสวยแห่งนี้ คือ บ้านเรือนเป็นแบบอนุรักษ์สไตล์“ทิมเบอร์ เฟรมเฮ้าส์” ซึ่งเป็นสไตล์ที่ใช้ไม้เป็นวัสดุสำคัญอีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงแห่งแรกๆในแควน้อัสซาสอีกดว้ย นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มีศิลปะสถาปัตยกรรมออันหลากหลายยุคผสมผสานกันอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ให้ท่านได้เยี่ยมชมและถ่ายภาพความสวยงามตามอัธยาศัย พลาดไม่ได้กับบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์มาก จากนั้นได้เวลานำท่านสู่เมือง ริคเวีย Riquewihr (17 ก.ม./ 25 นาที) เมืองที่ติดกับเมืองกอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของแคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Villange de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก Unesco อีกด้วย

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินชมหมู่บ้านริคเวียร์ บ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน  เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก ท่านสามารถ ลิ้มลองชิมไวน์รสเลิศของแคว้นอัสซาส และซื้อเป็นของฝากคนทางบ้านตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่เมือง กอลมาร์ Colmar (15 ก.ม./ 15 นาที) เมืองเล็กๆอันเป็นเมืองบ้านเกิดของจิตรกร และช่างแกะพิมพ์มาร์ติน โชนเกาเออร์ และประติมากรเฟรเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ เป็นเมืองที่มีความโรแมนติก เมืองหนึ่งของฝรั่งเศส และเป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะให้คำสัญญาในความรักระหว่างกันและกันด้วยบรรยากาศที่สวยงามสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนเก่าแก่จึงทำให้เมืองกอลมาร์เป็นอีกหนึ่งในสถานที่โรแมนติกในฝันของใครอีกหลายคน นำท่าน ชมเมืองกอลมาร์ ดินแดนแห่งความงาม ที่มีตึกราบ้านช่องสวยงามมีจุดเด่นอยู่ที่ความงามของดอกไม้ ที่มีอยู่ทั่วเมือง จัดเป็นอีกเมืองที่ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีความโรแมนติกจนได้รับการขนานนามว่า “ลิตเติ้ลเวนิซ” ปัจจุบันเมืองเก่าแก่แห่งนี้ได้กลายเป็นเมืองที่น่ามาเยือนเป็นอันดับต้นๆของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของเมืองโบราณ มีบ้านเรือนที่สวยงาม และได้รับการดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี บ้านเรือนแบบนี้ เรียกว่า Colombage (ฝรั่งเศส) หรือ Fachwerkhaus (เยอรมัน) อิสระท่านเดินพักผ่อน เก็บภาพความสวยงามของเมือง หรือจะเลือกชิลนั่งจิบกาแฟรับแสงแดดสูดอากาศอันสดชื่น ให้สมกับที่ท่านได้มาเยือนเมืองอันโรแมนติกแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองสตราสบรูกก์

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่      Hilton Strasbourg

(Day 5) วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม 2561

เบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์) – สถานีกระเช้า Stechelberg – หมู่บ้านเมอเรน (หมู่บ้านติดหน้าผาที่สวยที่สุด) – กรินเดลวาลด์

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศที่ได้รับการยอมรับว่า เป็น 1 ในเรื่องภูมิประเทศที่งดงามที่สุด รถโค้ชจะนำท่านเดินทางผ่านเมืองชนบทน้อยใหญ่เข้าสู่บริเวณพรมแดนของสวิส และจะจอดให้ท่านได้กระทำการ ประทับตราศุลกากร Custom Stamp สำหรับท่านที่มีซื้อสินค้าก่อนหน้านี้และได้ซองภาษี Tax refund จากทางร้านค้ามา (สำหรับสินค้าที่จะซื้อในประเทศสวิส สามารถกระทำที่สนามบินวันสุดท้ายได้) นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น Berne (ระยะทาง 234 กม. / 3.30 ชม.) นครหลวงอันเก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสวยงามเป็นอย่างยิ่งจนได้รับการอนุรักษ์ และประกาศให้เป็น “มรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้” ตั้งอยู่เนินเขา ซึ่งที่จุดนี้สามารถชมทิวทัศน์ของตัวเมืองเก่าได้ในมุมกว้าง

กลางวัน   รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นเที่ยวชม เบเร็นกราเบ็นหรือบ่อหมี สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง เดินทางเข้าสู่ย่าน มาร์คกาสเซ ย่านเมืองเก่า ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยร้านดอกไม้และร้านบูทีค นำชมอาคารเก่า อายุ 200-300 ปี เข้าสู่ถนนครัมกาสเซ เต็มไปด้วยร้านภาพวาด และร้านขายของเก่าในอาคารโบราณ นำคณะชม นาฬิกาไซ้ท์ กล็อคเค่น อายุกว่า 800 ปี ที่มีโชว์ให้ดูทุกๆชั่วโมงที่นาฬิกาตีบอกเวลา และกรุงเบิร์นยังเป็นเมืองที่มีน้ำพุ

มากที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรป นำท่านสู่ สถานีกระเช้า Stechelberg (Schilthornbahn) (ระยะทาง 70 ก.ม./ 1 ชม.) เพื่อนำท่าน นั่ง เคเบิ้ลคาร์ ขึ้นไปยัง หมู่บ้านเมอเรน MURREN หมู่บ้านชาเลต์สวิสที่ตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาเอลป์ ถือเป็นหมู่บ้านที่คนสวิสฯต่างบอกว่าที่นี้สวยยังกับส  รวงสวรรค์ หากอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีหมอกบดบังท่านสามารถชม 3 ยอดขุนเขาที่ตั้งตระหง่านเหนือหมู่บ้านเมอเรน คือ ยอดเขา Eiger, Monch, Jungfrau หากมาในช่วง ดอกไม้ผลิ เม.ย. – ส.ค. ท่านจะพบกับดอกไม้ป่า และดอกไม้ที่ถูกปลูกประดับไว้ตามบ้านเรือนสวยงามยิ่งยิ่งนัก และหมู่บ้านเมอเรน ถือเป็นหมู่บ้านปลอดรถยนต์อากาศจึงยังบริสุทธิ์มาก อิสระท่านเก็บภาพและเดินเล่นในหมู่บ้านแสนน่ารักแห่งนี้ สมควรแก่เวลานำท่านกลับสู่สถานีเบื้องล่าง

** หมู่บ้าน Murren ถือเป็นอีก 2 หมู่บ้านที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่มาเยือนสวิสฯไม่พลาดที่จะมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบ Backpacker เพราะที่นี้ขึ้นชื่อเรืองความสวยงามของบรรยากาศมาก **

หมายเหตุ ความสวยงามวิวทิวทัศน์ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส รับประกันว่าสวยมาก

ก่อนเดินทางต่อเข้าสู่เมือง กรินเดลวาลด์ Grindelwald (ระยะทาง 15 ก.ม./ 20 นาที) เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่บนเชิงเขาที่ระดับความสูง 1,034 เมตร ท่านจะได้อิ่มเอมไปกับบรรยากาศธรรมชาติแบบสวิสแท้ๆ ที่ท่านจะต้องประทับใจ ที่สำคัญหมู่บ้านนี้เป็น 1 ในต้นทางของสถานีขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟรา เป็น 1 ในยอดเขาลำดับต้นๆที่ใครที่มาเยือนสวิสแล้วจะพลาดไม่ได้

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่              Hotel Sun Star Grindelwald

(Day 6) วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561

สถานีรถไฟกรินเดลวาลด์ – นั่งรถไฟฟันเฟือง – ยอดเขาจุงเฟรา Top of Europe – ลูเซิร์น

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ สถานีรถไฟฟันเฟือง จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวยอดเขาจุงเฟรา ในปี 2001 UNESCO ประกาศให้ยอดเขาจุงเฟรา เป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป นำท่าน สัมผัสกับประสบการณ์นั่งรถไฟฟันเฟือง ผ่านชมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของ JUNGFRAUBAHN ขึ้นพิชิตยอดเขาจุงเฟราที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุต ซึ่งได้ รับการยกย่องว่าเป็น TOP OF EUROPE ระหว่างเส้นทางนำท่านสู่ยอดเขา แวะชมกลาเซียร์ หรือ ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ จนถึงสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป บนสถานีปลายทางจุงฟราวบาห์น นำคณะ เพลิดเพลินและสนุกสนานไปกับการเล่นหิมะในลานกว้าง จุดชมวิวที่สูงที่สุดในยุโรป มองเห็นได้กว้างไกลที่สุด ณ จุด 3,571 เมตร ชมถ้ำน้ำแข็ง ที่แกะสลักให้สวยงาม อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง 30 เมตร สัมผัสกับภาพของธารน้ำแข็ง Aletsch ที่ ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ยาวถึง 22 ก.ม. และหนา 700 เมตรโดยไม่เคย ละลาย อิสระให้ท่านได้สนุกสนานและเพลิดเพลินกับกิจกรรมบนยอดเขาจุงเฟรา และ ไม่ควรพลาดกับการส่งโปสการ์ด โดยที่ทำการไปรษณีย์ที่สูงที่สุดในยุโรป

หมายเหตุ !!!    การพิชิตยอดเขาจุงเฟรา เวลาอยู่ข้างบนยอดเขา ท่านอาจจะเหนื่อยและเพลียมากกว่าปกติ ด้วยสภาพอากาศที่น้อย พยายามอย่าออกแรงเยอะ ***

กลางวัน     รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

 

จากนั้นพาท่านลงจากยอดเขาจุงเฟรา แล้วนำท่านนั่งรถโค้ชเข้าสู่ เมืองลูเซิร์น Luzern (ระยะทาง 68 กม./ 1 ชม.)  ซึ่งเป็นอดีตหัวเมืองโบราณของสวิสเซอร์แลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ เป็นดินแดนที่ได้รับสมญานามว่า “หลังคาแห่งทวีปยุโรป” (The roof of Europe) เพราะนอกจากจะมีเทือกเขาสูงเสียดฟ้าอย่างเทือกเขาแอลป์แล้ว ก็ยังมี ภูเขาใหญ่น้อยสลับกับป่าไม้ที่แทรกตัวอยู่ตามเนินเขาและไหล่เขา สลับแซมด้วยดงดอกไม้ป่าและทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม สำหรับเลี้ยงสัตว์ และเป็นเมืองที่ได้ชื่อว่านักท่องเที่ยวบันทึกภาพไว้มากที่สุด พาท่านชม สิงโตหินแกะสลัก Dying Lion of Lucerne บนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ผ่านชม สะพานไม้ชาเปล Chapel Bridge ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิสตลอดแนวสะพาน จากนั้นให้ท่านได้ อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น

ค่ำ          รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักที่              Radisson Blu Lucerne

(Day 7) วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม 2561

สนามบินซูริค – กรุงเทพ

เช้า         รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

08.00 น. เดินทางสู่สนามบิน ซูริค (ระยะทาง 48 ก.ม. / 1 ชม.) พร้อมเผื่อเวลาให้ท่านกระทำภาษี TAX REFUND

13.30 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 971

(Day 8) วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม 2561

สนามบินสุวรรณภูมิ (กรุงเทพฯ)

05.30 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารชั้น 2 โดยสวัสดิภาพและมีความสุข…

 

อัตราค่าบริการ

Romantik Villages เยอรมัน ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ 8 วัน (WE-04B)

วันเดินทาง

ราคาผู้ใหญ่

ห้องพักคู่

2 ท่าน

ราคาเด็ก*

พักห้อง

1 เด็ก+1 ผู้ใหญ่

ราคาเด็ก*

1 เด็ก+ 2 ผู้ใหญ่

(เสริมเตียง)

ราคาเด็ก**

1 เด็ก + 2 ผู้ใหญ่ (ไม่เสริมเตียง)

พักเดี่ยวเพิ่ม

23 – 30 ก.ค. 61 89,900 89,900 87,900 86,900

11,900

หมายเหตุ  :  ราคาเด็กต้องมีอายุ 2-12 ปี บริบูรณ์  //  เด็กอายุ 5-12 ปี โรงแรมในยุโรปจะบังคับเสริมเตียง

อัตรานี้รวม

  • ตั๋วเครื่องบินไป – กลับ (ชั้น ECONOMY) ตามเส้นทางและสายการบินที่รายการระบุไว้
  • ภาษีสนามบินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและปลายทางต่างประเทศ
  • ค่าที่พัก พร้อมอาหารเช้า (ห้องละ 2 ท่าน) ในระดับดาวมาตรฐานตามโรงแรมที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า หากวันเข้าพักตรงกับช่วงเทศกาลหรืองานจัดแสดงสินค้า อาจมีการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมือง แต่จะคำนึงถึงเส้นทางและความสำคัญของลูกค้าเป็นหลัก
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุในรายการ
  • ค่ารถโค้ชปรับอากาศ ขนาด 49 ที่นั่ง นำเที่ยวตามสถานที่ระบุในรายการ
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆตามที่ระบุในรายการ
  • ค่าประกันอุบัติเหตุคุ้มครองในวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้ใหญ่อายุเกิน 75 ปีได้รับความคุ้มครองเพียง 50% ของวงเงินประกัน
  • หัวหน้าทัวร์ผู้มีประสบการณ์ อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
  • ค่าธรรมเนียมวีซ่าเชงเก้น ระยะเวลาตามวันที่ระบุในรายการ
  • ค่าธรรมเนียมทิป  ไกค์ท้องถิ่นและคนขับรถต่างประเทศ

อัตรานี้ไม่รวม 

  • ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 % และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 % กรณีออกใบกำกับภาษี
  • ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ / ค่าซักรีด / ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋า ขอเรียนให้ท่านทราบว่า กรณีไม่มีบริการยกกระเป๋า ท่านผู้เดินทางทุกท่านจะต้องดูแลทรัพย์สินของท่านด้วยตนเอง
  • ค่าธรรมเนียมทิป หัวหน้าทัวร์ (ตามอัธยาศัย) ปกติท่านละ 20 – 25 ยูโร
  • ค่าปรับน้ำหนักกระเป๋าที่เกินกว่าที่ทางสายการบินกำหนด

 เงือนไขการจองทัวร์

  • กรุณาชำระมัดจำท่านละ 30,000 บาท ภายใน 2 วัน จากวันจอง โดยโอนเข้าบัญชี ที่นั่งจะยืนยันเมื่อได้รับเงินมัดจำแล้วเท่านั้น
  • สำหรับช่วงเทศกาลวันหยุด ปีใหม่ – สงกรานต์ เก็บมัดจำท่านละ 40,000 บาท
  • ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน
  • เมื่อได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ว่าให้จัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าได้ ท่านสามารถจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าได้ทันที
  • หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  • การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะ และยื่นรายบุคคล (แสดงตน) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่
  • หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด

เงื่อนไขการชำระเงินส่วนที่เหลือ

  • ส่วนที่เหลือชำระก่อนเดินทาง 20 วัน หรือเมื่อทางสายการบินมีการเรียกออกตั๋ว โดยทางบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าก่อนจะมีการเรียกเก็บเงิน
  • หากท่านไม่ผ่านการอนุมัติวีซ่า ทางบริษัทฯ ขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า / ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน / ค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) ทางบริษัทฯ จะทำการ Refund กับทางสายการบิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3- 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และขึ้นอยู่กับ Condition ของทางสายการบิน / ค่าส่วนต่างในกรณีที่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ครบตามจำนวน

 

เงื่อนไขการยกเลิกและการปรับเงินค่าบริการ

  • ยกเลิกหลังการจอง ปรับเงินทันที 1,000 บาท (คิดเป็นค่าบริการของพนักงาน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30-45 วัน หักค่ามัดจำ 50% ของเงินมัดจำ + ค่าวีซ่า
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 15-30 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของเงินมัดจำ
  • ยกเลิกการเดินทาง 1-15 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของราคาทัวร์
  • หากมีการออกตั๋วเครื่องบิน หรือจองโรงแรมไปแล้ว ทางบริษัทฯ จะคิดค่าบริการตามจริง
  • กรณีเจ็บป่วย จนไม่สามารถเดินทางได้ ท่านต้องมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลรับรอง บริษัทฯ จะส่งเรื่องขอ Refund เฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินกับทางสายการบิน โดยดุลยพินิจขึ้นอยู่กับทางสายการบินเท่านั้น หรือ หากท่านต้องการเลื่อนการเดินทางของท่านไปยังคณะต่อไป ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ จากคณะทัวร์เดิมที่ท่านไม่ได้เดินทาง คือ ค่าธรรมเนียมในการมัดจำตั๋ว และค่าธรรมเนียมวีซ่าตามที่สถานทูตฯ เรียกเก็บ
  • กรณียื่นวีซ่าแล้วไม่ได้รับการอนุมัติวีซ่าจากทางสถานทูต (วีซ่าไม่ผ่าน) และท่านได้ชำระค่าทัวร์ หรือมัดจำมาแล้ว ทางบริษัทฯ ขอเก็บเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่น ค่าวีซ่าและค่าบริการยื่นวีซ่า / ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน / ค่าตั๋วเครื่องบิน (กรณีออกตั๋วเครื่องบินแล้ว) ทางบริษัทฯ จะทำการ Refund กับทางสายการบิน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3- 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และขึ้นอยู่กับ Condition ของทางสายการบิน / ค่าส่วนต่างในกรณีที่กรุ๊ปออกเดินทางไม่ครบตามจำนวน
  • กรณีวีซ่าผ่านแล้ว แจ้งยกเลิกก่อน หรือหลังออกตั๋วโดยสาร บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าทัวร์ทั้งหมด

 

ข้อมูลการทำวีซ่าเชงเก้น

หมายเหตุ

 

  1. สำคัญมาก !!! หากท่านมีความ จำเป็นต้องใช้พาสปอร์ต เดินทางไปจุดหมายปลายทางอื่น ในช่วงระหว่างที่จะต้องยื่นวีซ่า กรุณาแจ้งให้ทราบล่วงหน้า เพื่อทำการตรวจสอบคิววีซ่าไม่ให้ชนกัน เนื่องจากหากทำการยื่น visa เข้าไปแล้ว สถานฑูต ไม่อนุญาต ให้ดึงเล่มพาสปอร์ตออกมาก่อนกำหนดในทุกกรณี โดยใช้ระยะเวลาในการพิจารณาผลวีซ่าประมาณ 7-15 วันทำการ (ไม่นับรวมวันหยุด)
  2. ก่อนถึงกำหนดวันยื่นวีซ่า กรุณาส่งเอกสารยื่นวีซ่า ให้กับทางบริษัทฯ ไม่น้อยกว่า 1  สัปดาห์  เนื่องจากทางบริษัทฯ ต้องนำเอกสารของท่านมาตรวจสอบความถูกต้อง หากเอกสารไม่ถูกต้อง และไม่ครบถ้วน ทางบริษัทฯ จะได้แจ้งให้ท่านทราบ ท่านจะได้มีเวลาเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ไม่กระชั้นชิดจนเกินไป
  3. ***** สำหรับ หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee หรือ Bank certificate) มีอายุไม่เกิน 15 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร จนถึงวันที่ยื่นวีซ่า เมื่อถึงกำหนดที่ท่านจะต้องส่งเอกสารให้กับทางบริษัทฯ แต่ท่านยังไม่ได้ขอ หรือ ต้องรอกำหนดให้พอดีกับวันที่ยื่นวีซ่า จึงจะไปขอได้นั้น รบกวนให้ท่านส่งเอกสารตัวอื่นมาก่อน  และเมื่อท่านได้เอกสารมาแล้ว ให้ท่านถ่ายรูป และส่งมาทางไลน์  สำหรัรบเอกสารตัวจริงให้ท่านนำไปในวันยื่นได้เลย  *****

เอกสารประกอบการขอวีซ่าเชงเก้น

  1. หนังสือเดินทาง (เล่มจริง) ที่ยังมีอายุการใช้งาน และโปรดตรวจสอบว่าหนังสือเดินทางของท่าน
  • มีอายุใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน โดยนับจากวันหมดอายุของหนังสือเดินทาง จนถึงวันที่เดินทางออกนอกประเทศสมาชิกเชงเก้น
  • มีหน้าว่างอย่างน้อย 4 หน้า
  • หากท่านเคยมีเชงเก้นวีซ่า อยู่ในหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาประกอบด้วย
  1. รูปถ่าย จำนวน 2 รูป  ขนาด 3.5 cm x 4.5 cm  พื้นหลังสีขาวเท่านั้น  (ห้าม สวมแว่นตา, ห้าม ใช้รูปรับปริญญา, ห้าม ใช้รูปใส่ชุดครุย, ห้าม ใช้รูปชุดราชการ, ห้าม ยิ้มเห็นฟัน)           
  1. เอกสารส่วนตัว (กรุณาเตรียมให้ครบถ้วน)

3.1   สำเนาทะเบียนบ้าน

3.2   สำเนาบัตรประชาชน

3.3   สำเนาหนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (กรณีเคยเปลี่ยนชื่อ-สกุล ต้องนำมาแสดงด้วย)

3.4   สำเนาทะเบียนสมรส  (กรณีแต่งงานจดทะเบียนสมรส ต้องนำมาแสดงด้วย)

3.5   สำเนาใบหย่า (กรณีเคยหย่า ต้องนำมาแสดงด้วย)

3.6   สำเนาใบมรณะบัตร (กรณีที่คู่สมรสเสียชีวิต ต้องนำมาแสดงด้วย)

  • สำเนาสูติบัตร (กรณีอายุต่ำกว่า 20 ปี)
  • กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี  ไม่ได้เดินทางพร้อม พ่อและแม่ ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้
  • เด็กเดินทางกับบุคคลอื่น  :   บิดาและมารดา ต้องไปทำหนังสือแสดงความยินยอม เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ณ ที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้น โดยให้ระบุว่า ยินยอมให้เด็กเดินทางกับใคร (ระบุชื่อ-นามสกุล โดยต้องสะกดชื่อให้ถูกต้องตามหนังสือเดินทาง)  มีความสัมพันธ์อย่างไรกับครอบครัว
  • เด็กเดินทางกับบิดา :   มารดา ต้องไปทำหนังสือแสดงความยินยอม เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น  ณ ที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้น โดยให้ระบุว่า มารดายินยอมให้เด็กเดินทางกับบิดา (ระบุชื่อ-นามสกุลบิดา โดยต้องสะกดชื่อให้ถูกต้องตามหนังสือเดินทาง)
  • เด็กเดินทางกับมารดา :   บิดา ต้องไปทำหนังสือแสดงความยินยอม เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น  ณ ที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้น โดยให้ระบุว่า บิดายินยอมให้เด็กเดินทางกับมารดา (ระบุชื่อ-สกุลมารดา โดยต้องสะกดชื่อให้ถูกต้องตามหนังสือเดินทาง)
  1. หลักฐานการทำงาน / หลักฐานการศึกษา
  • กรณีเป็นพนักงานหรือลูกจ้าง ข้าราชการ / เอกชน / รัฐวิสาหกิจ :  ให้ขอจดหมายรับรองการทำงาน เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น  จากหน่วยงาน หรือบริษัทของท่าน

***  ระบุ  TO WHOM IT MAY CONCERN (ไม่ต้องระบุสถานทูต และประเทศเพื่อป้องกันการสะกดผิด) ให้ระบุว่าเดินทางไปยุโรป

***  ระบุ ชื่อ-นามสกุล , วันที่เริ่มทำงาน , ตำแหน่งปัจจุบัน , อัตราเงินเดือน

***  จดหมายมีอายุไม่เกิน 1 เดือน นับจากวันที่ออกจดหมาย จนถึงวันยื่นวีซ่า

  • กรณีเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีการจดทะเบียนบริษัท :  ใช้หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ที่คัดมาไม่เกิน 90 วัน  หรือ  สำเนาใบจดทะเบียนการค้า พร้อมเซ็นชื่อรับรองสำเนา
  • กรณีประกอบอาชีพอิสระ :  ให้ทำจดหมายชี้แจงตนเองเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ชี้แจงว่าทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร  ร้านค้าตั้งอยู่ที่ใด เปิดดำเนินการมาแล้วกี่ปี  มีรายได้ต่อเดือน / ต่อปีเท่าไหร่  (หากมีการเสียภาษี ให้แนบสำเนาเอกสารเกี่ยวกับการเสียภาษีมาด้วย)
  • กรณีเป็นนักเรียน นักศึกษา :  ให้ขอหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น  ระบุชั้นปีที่กำลังศึกษา และ คณะสาขา ***  จดหมายมีอายุไม่เกิน 1 เดือน นับจากวันที่ออกจดหมาย จนถึงวันยื่นวีซ่า
  1. หลักฐานการเงิน *** สถานทูตพิจารณา บัญชีออมทรัพย์เท่านั้น ***

5.1   รายการเดินบัญชีออมทรัพย์ (Bank Statement)  ต้องขอจากทางธนาคาร  และจะต้องมีชื่อเจ้าของบัญชีระบุทุกหน้า  แสดงการเคลื่อนไหวทางด้านการเงินย้อนหลัง 6 เดือน  และต้องอัพเดตให้เป็นเดือนเดียวกับที่ไปขอวีซ่า  เช่น ท่านยื่นวีซ่าเดือนมกราคม จะต้องอัพเดตยอดสุดท้ายให้ถึงเดือนมกราคม เป็นต้น  โดยยอดเงินคงเหลือในบัญชี ควรมีอย่างน้อย 80,000 – 100,000 บาท

5.2        หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee หรือ Bank certificate) ของบัญชีออมทรัพย์ (Saving account) ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกันกับที่ขอ Bank Statement  ออกโดยธนาคารเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ระบุชื่อ-สกุล เจ้าของบัญชีให้ถูกต้องตามหน้าพาสปอร์ต *** เอกสารนี้มีอายุไม่เกิน 15 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร จนถึงวันที่ยื่นวีซ่า

5.3    ก่อนถึงวันยื่นวีซ่า 3-5 วัน นำสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์  ไปอัพเดทเพื่อให้มีความเคลื่อนไหว โดยการฝาก หรือ ถอนเงิน 100 บาท เป็นต้น และ ในวันยื่นวีซ่าให้นำสมุดบัญชีติดไปด้วย  เผื่อไว้ในกรณีเจ้าหน้าของสถานฑูตเรียกดู

  1. การรับรองค่าใช้จ่ายให้บุคคลในครอบครัว (บุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่ายได้ ต้องเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ที่สามารถสืบความสัมพันธ์กันได้ หรือ สามี ภรรยา เท่านั้น) ขอเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

6.1    ผู้เดินทางที่มีงานทำแล้ว จนถึงวัยเกษียณ ที่มีบัญชีออมทรัพย์ จะต้องแสดง รายการเดินบัญชีออมทรัพย์ (Bank Statement)  ที่ขอจากทางธนาคาร  และต้องมีชื่อเจ้าของบัญชีระบุทุกหน้า  แสดงการเคลื่อนไหวทางด้านการเงินย้อนหลัง 6 เดือน  และต้องอัพเดตให้เป็นเดือนเดียวกับที่ไปขอวีซ่า  เช่น ท่านยื่นวีซ่าเดือนมกราคม จะต้องอัพเดตยอดสุดท้ายให้ถึงเดือนมกราคม เป็นต้น  โดยยอดเงินคงเหลือในบัญชีมีอยู่ไม่มาก ก็ไม่เป็นไร เนื่องจากทางสถานทูต จะดูยอดเงินของบุคคลที่รับรอง

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ท่าน เป็นหลัก

6.2 กรณีบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่ายเดินทางไปด้วยกัน ขอเอกสารเพิ่มเติม  คือ  หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee หรือ Bank certificate) เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น  ซึ่งเป็นบัญชีเดียวกันกับที่ขอ Bank Statement  โดยให้บุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย เป็นผู้ไปขอจากทางธนาคาร ขอให้ ตนเอง 1 ฉบับ และ บุคคลที่ถูกรับรองค่าใช้จ่ายอีก 1 ฉบับ   ดังนี้

  • สำหรรับบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย (เจ้าของบัญชี) ระบุชื่อ-สกุล ให้ถูกต้องตามหน้าพาสปอร์ต *** เอกสารนี้มีอายุไม่เกิน 15 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร จนถึงวันที่ยื่นวีซ่า
  • สำหรับบุคคลที่ถูกรับรองค่าใช้จ่าย ให้ระบุชื่อ-สกุล ของทั้งคู่ในเอกสาร  คือ ระบุชื่อ-สกุล บุคคลที่สามารถรับรอง ค่าใช้จ่าย (เจ้าของบัญชี)  และ ระบุชื่อ-สกุล บุคคลที่ถูกรับรองค่าใช้

จ่าย และต้องสะกดชื่อ-สกุล ให้ถูกต้องตามหน้าพาสปอร์ต *** เอกสารนี้มีอายุไม่เกิน 15 วัน นับจากวันที่ออกเอกสาร จนถึงวันที่ยื่นวีซ่า

  • กรณีบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย ไม่ได้เดินทางไปด้วย ขอเอกสารเพิ่มเติม คือ
    • สำเนาทะเบียนบ้าน  (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • สำเนาบัตรประชาชน (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • สำเนาหนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • สำเนาทะเบียนสมรส  (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • สำเนาใบหย่า (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • สำเนาใบมรณะบัตร กรณีที่คู่สมรสเสียชีวิต (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • หลักฐานการทำงาน  ตามข้อ 4.1 – 4.3  (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย)
    • หลักฐานการเงิน (ของบุคคลที่สามารถรับรองค่าใช้จ่าย) ขอรายการเดินบัญชีออมทรัพย์

(Bank Statement)  ตามข้อ 5.1 และ ขอหนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee หรือ Bank certificate)  ตามข้อ 6.2.1 และ ข้อ 6.2.2

ติดต่อจองทัวร์หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

www.beaconboytravel.com / Facebook: Beaconboy Travel / Line@:@beaconboytravel

อีเมล์: info@beaconboytravel.com เบอร์โทรศัพท์: 02-048-4757 / 091-7784757